วิธีพ่วงแบตเตอรี่รถยนต์ ให้ปลอดภัยมีขั้นตอนและข้อควรระวังอะไรบ้าง

วิธีพ่วงแบตเตอรี่รถยนต์ ให้ปลอดภัยมีขั้นตอนและข้อควรระวังอะไรบ้าง

แบตเตอรี่รถยนต์ เป็นอุปกรณ์สำคัญที่มีส่วนช่วยให้รถยนต์สตาร์ทติดและเป็นที่กักเก็บพลังงานไฟฟ้าของรถยนต์ เพื่อนำไปใช้เกี่ยวกับระบบไฟฟ้าต่าง ๆ ภายในรถ เช่น ไฟหน้ารถ, ไฟเบรก, ระบบเครื่องเสียง, ระบบนำทาง GPS และอุปกรณ์อื่น ๆ ที่ใช้ไฟฟ้าในรถยนต์ แบตเตอรี่รถยนต์มีด้วยกันหลายขนาด ในการเลือกใช้งานขึ้นอยู่กับมาตรฐานของโรงงานผลิตรถยนต์เป็นผู้กำหนดมาให้เลือกใช้ ซึ่งจะต้องเลือกใช้ให้มีขนาดที่เหมาะกับรถยนต์และระบบไฟฟ้าของรถ โดยอาจพิจารณาจากของเดิมที่ติดมากับรถ นอกจากการเลือกประเภทของแบตเตอรี่ที่เหมาะสมกับรถยนต์ที่ใช้งานแล้ว ยังมีเรื่องที่ต้องเรียนรู้ไว้อีกอย่างหนึ่งก่อนจะขับรถยนต์ก็คือ วิธีพ่วงแบตรถยนต์ เพื่อให้สามารถแก้ไขสถานการณ์ได้

ทำไมต้องเรียนรู้และเข้าใจ วิธีพ่วงแบตเตอรี่รถยนต์

แบตเตอรี่รถยนต์ถือเป็นชิ้นส่วนที่ต้องให้ความสำคัญและต้องได้รับการบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากเป็นอุปกรณ์ที่มีวันหมดอายุหรือเสื่อมสภาพจากการใช้งาน โดยเฉพาะรถยนต์ที่มีการใช้งานอยู่เป็นประจำทุกวัน หรือการจอดรถเป็นระยะเวลานาน ๆ อากาศเย็นจัด หากพบว่าวันใดประสบปัญหาการสตาร์ทรถไม่ติด ก็เป็นไปได้ว่าแบตเตอรี่รถยนต์กำลังเสื่อมสภาพหรือที่เรียกกันว่า “แบตหมด” ทำให้ต้องหา วิธีพ่วงแบตรถยนต์ คันอื่นมาช่วยเหลือในการพ่วงแบตเตอรี่รถยนต์ เพื่อให้สตาร์ทติดและขับต่อไปยังร้านหรือศูนย์บริการแบตเตอรี่

สาเหตุที่ทำให้รถสตาร์ทไม่ติด วิธีพ่วงแบตเตอรี่รถยนต์ แก้ปัญหาได้หรือไม่

โดยปกติแล้วอาการรถยนต์สตาร์ทไม่ติดมีหลายสาเหตุ โดยส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับระบบสตาร์ทในรถยนต์ ซึ่งประกอบไปด้วยไดสตาร์ท, ไดชาร์จ และแบตเตอรี่ ซึ่งมักจะมีอาการให้สังเกตเห็น ดังนี้

  • ในช่วงเช้า ๆ เมื่อสตาร์ทรถ จะค่อนข้างติดยากหรือใช้เวลานานกว่าปกติ บางครั้งอาจจะสตาร์ทไม่ติดเลย
  • ไฟภายในห้องโดยสาร ไฟเรือนไมล์รถและไฟหน้าจะดูสว่างน้อยลง
  • เบาะปรับไฟฟ้า กระจกไฟฟ้า จะปรับขึ้นได้ช้าลง หรือเหมือนจะไม่มีแรงในการปรับขึ้นหรือลง
  • แบตเตอรี่มีรูปร่างผิดปกติ เช่น บวม บิดเบี้ยว

หากสังเกตเจออาการอย่างใดอย่างหนึ่งให้สันนิษฐานว่า แบตเตอรี่เริ่มเสื่อม หากสตาร์ทไม่ติด จำเป็นที่จะต้องอาศัย วิธีพ่วงแบตรถยนต์ จากรถคันอื่น หรือควรเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่

วิธีพ่วงแบตรถยนต์ ต้องเริ่มจากเลือกสายไฟพ่วงแบตที่มีคุณภาพ เก็บไว้ในรถเสมอ

ก่อนที่จะไปเรียนรู้ วิธีพ่วงแบตรถยนต์ ที่ถูกต้อง อยากให้เจ้าของรถทุกคนได้ซื้อสายพ่วงแบตติดรถไว้ใช้งานยามฉุกเฉิน เพราะเป็นอุปกรณ์สำคัญไม่แพ้ยางอะไหล่ ที่แม้จะมีติดรถไว้ แต่หลายคนแทบจะไม่ได้ใช้งานเลย แต่พอถึงเวลาฉุกเฉินที่จำเป็นจะต้องใช้ กลับไม่สามารถนำมาใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพหรือไม่มีให้ใช้เลย ซึ่งสายพ่วงแบตรถยนต์แม้จะมีให้เลือกใช้งานที่หลากหลาย แต่ควรพิจารณาวิธีการเลือกสายพ่วงแบตดังนี้

  • ขนาดของสายพ่วงแบต สายพ่วงแบตที่อยู่ภายในฉนวนกันกระแสไฟฟ้าจะต้องมีขนาดใหญ่ เพื่อการไหลผ่านของกระแสไฟฟ้าได้ดี ยิ่งมีขนาดใหญ่ยิ่งนำไฟฟ้าได้ดี
  • เป็นทองแดงแท้ 100% สายพ่วงแบตจะต้องเป็นทองแดงแท้ 100% เพราะทองแดงมีคุณสมบัติของการนำไฟฟ้าได้ดี จึงนิยมนำมาทำสายไฟตามบ้านเรือน นอกจากสายจะเป็นทองแดงแล้ว ตัวคีมจับขั้วแบตก็ควรเป็นทองแดงด้วย เพื่อคงความเป็นตัวนำไฟฟ้าที่ดีที่สุด
  • คีมจับขั้วแบต ต้องมีความแข็งแรง บีบง่าย ด้ามจับต้องห่อหุ้มด้วยฉนวนกันไฟฟ้าอย่างดี เพื่อป้องกันกระแสไฟฟ้าดูดผู้ใช้งาน นอกจากนี้จะต้องจับถนัดมือ ไม่ลื่นหรือจับหลุดได้ง่าย
  • ความยาวของสายพ่วงแบต จะต้องมีความยาวไม่น้อยกว่า 1.80 เมตร หรือความยาวที่เหมาะสมควรอยู่ที่ 2.5 – 3.0 เมตร เพื่อให้เพียงพอกับระยะห่างระหว่างรถยนต์ของเรากับรถยนต์คันที่มาช่วยพ่วงแบตเตอรี่รถยนต์
  • ปลอกหรือสายหุ้ม จะต้องมีสภาพการใช้งานที่ดี มีความทนทานต่อกระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านระหว่างการใช้งานได้ดี เพราะหากเกิดปัญหาสายหุ้มชำรุด กระแสไฟเล็ดลอดหรือผ่านได้ จะทำให้เกิดกระแสไฟฟ้าลัดวงจร เป็นอันตรายต่อผู้ใช้งาน และอาจทำให้รถยนต์เกิดเพลิงไหม้ได้
  • สี ควรเลือกสายต่างสีกัน เพื่อป้องกันความสับสนในการใช้งาน โดยปกติทั่วไปจะเป็นสายสีดำกับสายสีแดง

วิธีพ่วงแบตรถยนต์ ที่ถูกต้อง มีขั้นตอนอย่างไรบ้าง

หลังจากที่เลือกสายพ่วงแบตได้ตามต้องการแล้ว ลำดับต่อไปจะกล่าวถึงการ พ่วงแบตเตอรี่รถยนต์ ซึ่งยังมีหลายคนที่มักจะพ่วงแบตที่ผิด ๆ กันอยู่ เพื่อให้การพ่วงแบตถูกต้องและปลอดภัยมีวิธีการพ่วง ดังนี้

1.เตรียมสายพ่วงแบตเตอรี่ให้พร้อม โดยสายสีแดงให้เป็นสายขั้วบวก ส่วนสายสีดำให้เป็นสายขั้วลบ

พ่วงแบตเตอรี่รถยนต์ โดยสายสีแดงให้เป็นสายขั้วบวก ส่วนสายสีดำให้เป็นสายขั้วลบ

2. ให้รถยนต์คันที่จะมาช่วยพ่วงแบต มาเทียบจอดให้ส่วนหน้ารถยนต์ใกล้ ๆ กัน โดยเว้นระยะห่างเล็กน้อย

3. ให้ปิดระบบไฟของรถทั้งสองคัน ไม่ว่าจะเป็นไฟในรถ, ไฟหน้า, วิทยุ และระบบไฟอื่น ๆ เพื่อป้องกันการเกิดประกายไฟและการระเบิด

4. เริ่ม วิธีพ่วงแบตรถยนต์ ที่ถูกต้อง โดยให้เริ่มจากสายสีแดงที่เป็นสายขั้วบวก โดยเริ่มจากคีบขั้วบวกของรถที่แบตหมด นำปลายสายสีแดงอีกฝั่งไปคีบกับขั้วบวกของรถที่นำมาช่วย

5. จากนั้นนำสายพ่วงแบตสีดำคีบขั้วลบแบตของรถที่มาช่วยและปลายสายอีกข้าง ให้นำไปคีบกับตัวรถหรือโลหะของรถที่แบตหมด ห้ามนำไปใส่ที่ขั้วลบของรถที่แบตหมดเป็นอันขาด เพราะอาจเกิดอันตราย ทำให้เกิดการระเบิดของแบตเตอรี่ได้

6. เมื่อต่อสายเป็นที่เรียบร้อย ให้เช็กความถูกต้องอีกครั้ง รอประมาณ 1 นาที ค่อยสตาร์ทรถคันที่มาช่วย โดยสตาร์ทรถทิ้งไว้ 3-5 นาที เพื่อเป็นการถ่ายเทประจุพร้อมกับเร่งเครื่องเบา ๆ จากนั้นค่อยไปสตาร์ทรถคันที่แบตหมด และเร่งเครื่องเบา ๆ 2-3 นาที ก่อนที่จะถอดสายพ่วงแบต

7. ขั้นตอนการถอดสายพ่วงแบตให้ทำย้อนกลับจากการใส่สายพ่วง นั่นคือ ให้เริ่มถอดสายคีบที่เป็นขั้วลบหรือสายสีดำจากรถที่แบตหมดก่อน แล้วจึงไปถอดสายคีบขั้วลบจากรถที่มาช่วย ตามด้วยถอดสายคีบขั้วบวกของรถที่มาช่วย และปิดท้ายถอดสายคีบขั้วบวกของรถคันที่แบตหมดเป็นลำดับสุดท้าย

วิธีพ่วงแบตรถยนต์ ที่ถูกต้อง มีขั้นตอนอย่างไรบ้าง

ข้อควรระวังในการพ่วงแบตเตอรี่รถยนต์

ระวังมิให้ตัวคีบขั้วลบไปสัมผัสกับตัวคีบขั้วบวกระหว่างที่กำลังพ่วง เพราะอาจทำให้เกิดกระแสไฟฟ้าลัดวงจร จนเป็นสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุหรือไฟไหม้รถยนต์ได้

สรุปวิธีพ่วงแบตรถยนต์

ให้มีความปลอดภัยนั้นมีขั้นตอนที่ไม่ยาก เจ้าของรถควรศึกษาเพื่อที่จะนำไปใช้งานได้อย่างถูกต้องเมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน แต่ถ้าในกรณีที่ไฟแบตเตอรี่โชว์ขณะที่กำลังขับขี่รถยนต์ อาจเป็นไปได้ว่าไดชาร์จหรือไดสตาร์ทมีปัญหา ทำให้ไม่มีกระแสไฟไหลกลับไปกักเก็บที่แบตเตอรี่ ควรรีบนำรถเข้ารับการตรวจเช็กที่ศูนย์บริการโดยด่วน เพราะถ้าเป็นกรณีแบตเตอรี่เสื่อม มักจะไม่มีไฟแสดงลักษณะดังกล่าว

หากคุณกำลังสนใจจะ ซื้อประกันภัยรถยนต์ ชั้น 1 หรือ ประกันรถยนต์ออนไลน์ แล้วล่ะก็… ที่ ตรีเพชรอินชัวรันส์ (TPIS) เสนอราคาเบี้ยประกันให้คุณคุ้มค่าที่สุด! เรามีผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมให้บริการแนะนำการเลือกซื้อประกันภัยรถยนต์ เพื่อให้ได้รับความคุ้มครองอย่างน่าพึงพอใจ คลิกที่เว็บไซต์เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมได้เลย!