รวม 5 ปราสาทญี่ปุ่น ถ้าไม่แวะเหมือนไปไม่ถึงญี่ปุ่น
หากถามคนไทยว่าอยากไปเที่ยวประเทศไหนมากที่สุด มั่นใจว่าคำตอบส่วนใหญ่นั้นคือ “ประเทศญี่ปุ่น” เหตุผลนอกจากจะโดดเด่นเรื่องอาหารที่ขึ้นชื่ออย่างซูชิรสเลิศ สด สะอาด และถูกปากละมุนลิ้น จนหลายคนอยากชิมความอร่อยต้นฉบับแล้ว ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวสวย ๆ ท่ามกลางธรรมชาติให้แวะไปเช็คอินมากมาย
หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ไปถึงประเทศญี่ปุ่นแล้วต้องแวะคือ ปราสาทในญี่ปุ่น สถาปัตยกรรมที่ครบทั้งความสวยงามและประวัติศาสตร์อันน่าศึกษา จะมีปราสาทใดที่ควรแวะไปเที่ยวไปชมบ้างนั้น เรามีคำตอบมาฝาก
1. ปราสาทฮิเมจิ (Himeji Castle)
เริ่มต้นกันด้วย Himeji Castle หรือปราสาทฮิเมจิ คนญี่ปุ่นเรียกว่า ‘ปราสาทนกกระสาขาว’ ตามสีของปราสาท สำหรับปราสาทแห่งนี้ตั้งอยู่ที่เมืองฮิเมจิ จังหวัดเฮียวโงะ ถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่ในปี ค.ศ. 1561 และเป็นปราสาทเก่าแก่เพียงไม่กี่แห่งที่เหลือรอดจากสงครามโลกครั้งที่ 2 รวมถึงเหตุการณ์ภัยพิบัติตามธรรมชาติ
ปราสาทฮิเมจิยังคงความสวยงามสมบูรณ์แบบสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นโบราณจนได้รับการยกย่องเป็น 1 ใน 3 ปราสาทที่งดงามที่สุดของญี่ปุ่น นอกจากนั้น UNESCO ยังประกาศให้ปราสาทฮิเมจิเป็นหนึ่งในมรดกโลกอีกด้วย จึงไม่ใช่เรื่องแปลกคนญี่ปุ่นจะมองปราสาทฮิเมจิเป็นสมบัติของชาติและเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวชมความงาม ชมวิวเมืองฮิเมจิ ชมดอกซากุระ และถ่ายภาพความยิ่งใหญ่ของปราสาทไว้เป็นที่ระลึก
ปราสาทฮิเมจิเปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 9.00 – 17.00 น. บุคคลทั่วไปเสียค่าเข้าชม 1,000 เยน ส่วนเด็ก 300 เยน แต่ทั้งนี้จะปิดให้บริการในวันที่ 29 – 30 ธันวาคม ของทุกปี
2. ปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle)
เป็นอีกหนึ่ง ปราสาทญี่ปุ่น ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมากที่สุด สำหรับ Osaka Castle หรือปราสาทโอซาก้า ปราสาทโบราณที่สร้างขึ้นมาตั้งปี ค.ศ. 1583 เพื่อเป็นที่พักของ ฮิเดโยชิ โทโยโทมิ ไดเมียวและซามูไรผู้ยิ่งใหญ่ในยุคนั้น ปราสาทนี้เป็นที่รู้จักของคนทั้งโลกเพราะนอกจากจะตั้งอยู่ที่เมืองโอซาก้า จังหวัดโอซาก้า เมืองท่องเที่ยวสำคัญแล้ว ปราสาทแห่งนี้ยังเคยปรากฏเป็นฉากหลังของภาพยนตร์เรื่อง Godzilla Raid Again ด้วย
ปัจจุบันแม้ว่าจะเป็นปราสาทที่ได้รับการบูรณะในช่วงศตวรรตที่ 19 จากการถูกเพลิงไหม้ แต่ก็ยังคงความสวยงามแบบปราสาทโบราณไว้ได้อย่างครบถ้วน โดยไฮไลท์สำคัญของการเที่ยวปราสาทโอซาก้าคือ การเที่ยวปราสาทหอคอย 5 ชั้น ฐานใต้ดิน 3 ชั้น บนกำแพงหิน พิพิธภัณฑ์ภายในปราสาท จุดชมดอกซากุระ ใบไม้เปลี่ยนสี และการล่องเรือในคูน้ำชมทัศนียภาพที่สวยงามรอบปราสาท
ปราสาทโอซาก้าเปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 9.00 – 17.00 น. ยกเว้นวันที่ 28 ธันวาคม – 1 มกราคมของทุกปี สำหรับค่าเข้าชมบุคคลทั่วไปเสียค่าเข้าชม 600 เยน ส่วนเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 15 ปีเข้าชมฟรี ส่วนการเดินทางมาปราสาทโอซาก้าที่สะดวกที่สุดคือการเดินทางด้วยรถไฟ JR Tokaido Line มาลงที่สถานี Osaka ต่อด้วยรถไฟ Osaka Loop Line ไปลงที่สถานี Osakajo-Koen
3. ป้อมโงเรียวกาคุ (Goryokaku)
ถึงแม้ว่า Goryokaku หรือป้อมโงเรียวกาคุ จะไม่ใช่ปราสาทที่พักของโซกุน ไดเมียว หรือซามูไร แต่ก็ได้ชื่อว่าเป็นป้อมปราการเพียงแห่งเดียวของญี่ปุ่น สำหรับหอคอยแห่งนี้ ตั้งอยู่ที่เมืองฮาโกดาเตะ จังหวัดฮอกไกโด สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1864 ซึ่งตรงกับปีสุดท้ายของสมัยเอโดะ โดยมีการสร้างกำแพงล้อมรอบเพื่อเป็นพื้นที่วางปืนใหญ่เป็นรูปดาว เพื่อทำหน้าที่ปกป้องเมืองจากการรุกรากของมหาอำนาจฝั่งตะวันตก ป้อมโงเรียวกาคุจึงมีอีกชื่อว่าป้อมดาว 5 แฉก ก่อนจะถูกเปลี่ยนเป็นที่ทำการรัฐบาลฝ่ายสาธารณรัฐของเจ้าหน้าที่ผู้สำเร็จราชการบริหารฮอกไกโดในภายหลัง
อย่างไรก็ตามตั้งแต่ปี ค.ศ. 1910 ป้อมโงเรียวกาคุไม่ได้ถูกใช้ประโยชน์ทางการทหาร แต่ถูกเปลี่ยนเป็นพื้นที่สวนสาธารณะและสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของเมือง ซึ่งจุดไฮไลท์ของการเที่ยวชมป้อมโงเรียวกาคุ ได้แก่ หอคอยโงเรียวกาคุ หอคอยชมวิวความสูง 107 เมตร มองเห็นวิว 360 องศา มองเห็นป้อมรูปดาวจากมุมสูง และดอกซากุระที่เปล่งบานในช่วงฤดูใบไม้ผลิ
ป้อมโงเรียวกาคุเปิดให้ชมทุกวัน โดยเดือนเมษายนถึงตุลาคมเปิดให้เข้าชมเวลา 05.00 – 19.00 น. ส่วนเดือนพฤจิกายนถึงมีนาคมเปิดให้เข้าชมเวลา 05.00 – 18.00 น ซึ่งในการเข้าชมบริเวณสวนจะไม่มีค่าใช้จ่าย แต่หากการชมวิวบนหอคอยโงเรียวกาคุมีค่าบริการประมาณ 900 เยนต่อคน สำหรับการไปเที่ยวชมสามารถเดินทางด้วยรถราง หรือรถบัสจากสถานี Hakodate ซึ่งหากเดินทางด้วยรถบัสให้ลงที่สถานี Goryokaku Koen-iriguchi และเดินต่อไปอีกประมาณ 7 นาที ขณะที่ถ้าเลือกเดินทางด้วยรถรางให้ลงที่สถานี Goryokaku Koenmae และเดินต่อประมาณ 15 นาที ไปที่ป้อมโงเรียวกาคุ
4. ปราสาทนาโกย่า (Nagoya Castle)
ถ้าใครเดินทางไปเที่ยวเมืองนาโกย่า จังหวัดไอกิ อยากแวะไปถ่ายภาพ ปราสาทญี่ปุ่น สวย ๆ ไว้เป็นที่ระลึก และอยากศึกษาประวัติศาสตร์ประเทศญี่ปุ่นไปพร้อม ๆ กัน บอกเลยว่าห้ามพลาด Nagoya Castle หรือปราสาทนาโกย่า ปราสาทเก่าแก่สูง 7 ชั้น ที่มีอายุมากกว่า 400 ปี สร้างขึ้นด้วยฝีมือมนุษย์ล้วน ๆ ปัจจุบันภายในถูกปรับให้เป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ที่นักรบสมัยก่อนใช้ ภาพวาดโบราณ และรูปปั้นบุคคลสำคัญ
ซึ่งหากขึ้นไปถึงยอดหลังคาปราสาทจะมองเห็นเจ้าปลาคาร์ฟหัวสิงห์ความสูง 2.7 เมตร ชุบด้วยทองคำ 18 K หากจะไปเที่ยว แนะนำให้ไปในช่วงฤดูใบไม้ผลิ เพราะปราสาทนาโกย่าเป็นหนึ่งในร้อยจุดชมดอกซากุระที่ดีที่สุดของประเทศญี่ปุ่น
ปราสาทนาโกย่าเปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 9.00 – 16.30 น. แต่จะปิดให้บริการในวันที่ 29 ธันวาคม – 1 มกราคมของทุกปี ค่าเข้าชม 500 เยน สำหรับการเดินทางสามารถนั่งรถไฟ Meitetsu Seto Line ไปลงที่สถานี Higashi-Ote ได้เลย
5. ปราสาทมัตสึโมโตะ (Matsumoto Castle)
สำหรับ ปราสาทญี่ปุ่น แห่งสุดท้ายที่อยากให้คนไทยแวะไปเยี่ยมชมเวลาไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นคือ Matsumoto Castle หรือ ปราสาทมัตสึโมโตะ ปราสาทเก่าแก่ความสูง 5 ชั้น ตั้งอยู่ที่เมืองมัตสึโมโต้ จังหวัดนากาโนะ โดยสร้างขึ้นในช่วงปี ค.ศ.1592 – ค.ศ. 1614 ซึ่งเป็นช่วงหลังการเกิดสงครามรัฐ จุดเด่นของปราสาทแห่งนี้อยู่ตรงความสลับซับซ้อนของโครงสร้างภายในที่มีการซ่อนส่วนต่าง ๆ เอาไว้มากมาย
ขณะเดียวกันหากมองจากภายนอก สิ่งที่เห็นคือความงดงามของตัวปราสาทที่แต่งแต้มด้วยสีดำ ทำให้ดูเด่นเป็นสง่าท่ามกลางธรรมชาติ โดยเฉพาะในช่วงหิมะตกที่มีพื้นสีขาวของเทือกเขาเจแปนเอลป์ซึ่งเป็นฉากหลัง ทำให้ ปราสาทมัตสึโมโตะ ถูกเรียกว่า ‘ปราสาทอีกา’ และได้รับการยกย่องให้เป็นสมบัติของชาติเช่นเดียวกับปราสาทคู่ตรงข้าม อย่างปราสาทฮิเมจิ หรือปราสาทนกกระสาขาว
ปราสาทมัตสึโมโตะ เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 8.30 – 17.00 น. แต่ปิดวันที่ 29 – 31 ธันวาคมของทุกปี บุคคลทั่วไปเก็บค่าเข้าชม 700 เยน เด็กเก็บค่าเข้าชม 300 เยน สำหรับการเดินทางสามารถใช้บริการรถไฟ Shinori JR Line ลงที่สถานี Matsumoto แล้วเดินต่อไปยังปราสาทอีกประมาณ 15 นาที
สรุป 5 ปราสาทจากญี่ปุ่นยอดนิยม
เป็นอย่างไรบ้างสำหรับ 5 ปราสาทญี่ปุ่น สวย ๆ ที่นำมาฝาก ซึ่งนอกจาก 5 ปราสาทที่แนะนำแล้วประเทศญี่ปุ่นยังมีปราสาทโบราณและสถานที่ท่องเที่ยวที่ควรไปเห็นด้วยตาตัวเองอีกมากมาย และที่สำคัญประเทศญี่ปุ่นมีสถานที่ท่องเที่ยวที่ค่อนข้างหลากหลายแนว
ไม่ว่าจะเป็น วัดไดโกจิ วัดเบียวโดอิน เจดีย์เซกันโตจิ ศาลเจ้าฟุชิมิ ป่าไผ่เกียวโต จุดชมวิวชูเรโตะ ถนนต้นแปะก๊วย ย่านนั่งชิลล์ชินจูกุ ย่านอากิฮาบาระ เมืองชิบูญ่า เมืองน้ำพุร้อนยามากาตะ หินเมโอโตะอิวะ ล่องเรือแม่น้ำอาราชิยาม่า ไร่ชาเขียวที่ชิซูโอกะ หุบเขาคิคุจิ สะพานแขวน Mishima Sky Walk สวนสนุก Universal Studios เรียกว่ามีครบทั้งวัด ปราสาท ย่านช้อปปิ้ง เกมเซ็นเตอร์รวมแหล่งบันเทิงของญี่ปุ่น เพราะฉะนั้นตอบโจทย์ทุกเพศทุกวัย ไปเที่ยวญี่ปุ่นไม่มีคำว่าผิดหวังแน่นอน!!!