เช็ก! อาการรถวูบ เร่งไม่ขึ้น ดับกลางอากาศ เกิดจากอะไร

เช็ก! อาการรถวูบ เร่งไม่ขึ้น ดับกลางอากาศ เกิดจากอะไร

รถยนต์ต้องได้รับการดูแลอย่างสม่ำเสมอ เพราะอุปกรณ์ชิ้นส่วนของรถยนต์นั้นมีการเสื่อมสภาพจากการใช้งาน เกิดเป็นเรื่องอันตรายได้หากขับรถแล้วเกิดอาการรถวูบ เร่งไม่ขึ้น หรือเหตุอันตรายร้ายแรงอย่างรถดับกลางอากาศ แล้วอาการเหล่านี้มีสาเหตุมาจากอะไรได้บ้าง

สาเหตุของอาการรถวูบ เร่งไม่ขึ้น ดับกลางอากาศ

1. ระบบไฟชาร์จมีปัญหา

รถยนต์มีระบบชาร์จไฟที่เรียกว่าไดชาร์จ โดยมีหน้าที่จ่ายไฟไปยังระบบไฟฟ้าส่วนต่าง ๆ ของรถยนต์ หากไดชาร์จมีปัญหาจะทำให้ไม่สามารถจ่ายกระแสไฟเพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานต่อไปได้ ส่งผลให้เกิดอาการรถดับกลางอากาศ โดยอาการของระบบไฟชาร์จมีปัญหา สังเกตได้ดังนี้

  • • ระบบไฟส่องสว่างภายในรถและไฟหน้ารถสว่างไม่คงที่ การจ่ายไฟไม่มีความเสถียร ทำให้ไฟสว่างน้อยลง หรือสว่างมากกว่าปกติ
  • • แบตเตอรี่หมด หากระบบไฟจากไดชาร์จมีปัญหา จะทำให้ไม่สามารถส่งกำลังไฟไปเก็บที่แบตเตอรี่ได้ เพราะไดชาร์จไม่จ่ายไฟ

2.SCV วาล์วเสีย

SCV วาล์ว (Suction control valve) คือ วาล์วตัวจ่ายน้ำมันเข้าตูดปั๊มสำหรับเครื่องยนต์ดีเซล หาก SCV วาล์วมีปัญหาจะทำให้รถเร่งไม่ขึ้น วูบดับกลางอากาศ โดยสาเหตุมาจากการละเลยการเปลี่ยนกรองน้ำมันเครื่อง หรือใช้กรองน้ำมันเครื่องที่ไม่ได้มาตรฐาน ทำให้ความสกปรกจากน้ำมันเข้าสู่วาล์วจนเสียหาย

3.ปั๊มและกรองน้ำมันเชื้อเพลิง

ปั๊มและกรองน้ำมันเชื้อเพลิง

ปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงทำหน้าที่ในการป้อนเชื้อเพลิงเข้าระบบ หากปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงอุดตัน หรือเสียหายจะส่งผลต่อการทำงานของเครื่องยนต์ มักมีอาการ ดังนี้

  • • เครื่องยนต์เกิดอาการสะดุดเมื่อทำการขับขี่ มีอาการสั่นเนื่องจากแรงดันในปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงจ่ายน้ำมันได้ไม่คงที่
  • • มีอาการวูบเมื่อใช้ความเร็วคงที่ สาเหตุมาจากความต้านทานในปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงกำลังมีปัญหา จึงไม่สามารถรักษาแรงดันในการจ่ายเชื้อเพลิงให้สม่ำเสมอได้
  • • รถสตาร์ทติดยาก หรือสตาร์ทไม่ติดเนื่องจากปั๊มเชื้อเพลิงไม่ทำงาน ไม่จ่ายน้ำมันไปยังระบบจุดระเบิด จึงส่งผลต่อการสตาร์ทเครื่องยนต์ 

ส่วนกรองน้ำมันเครื่องนั้นหากเกิดการอุดตัน จะทำให้รถเร่งไม่ขึ้น จนอาจทำให้รถดับกลางอากาศได้ จึงควรเปลี่ยนกรองน้ำมันเครื่องทุก 10,000 กิโลเมตร

4.หัวเทียนและคอยล์จุดระเบิด

หัวเทียนที่มีการใช้งานมานานจะเกิดการเสื่อมสภาพ เช่น สายหัวเทียนขาด เขี้ยวหัวเทียนชำรุด ส่งผลให้คอยล์จุดระเบิดทำงานไม่สมบูรณ์ ส่งผลให้เกิดอาการสตาร์ทยาก รถวูบ เครื่องยนต์เดินสะดุดได้เช่นกัน โดยมาตรฐานทั่วไปควรเปลี่ยนหัวเทียนทุก 40,000-50,000 กิโลเมตร แต่ก็มีหัวเทียนมีอายุยาวนานถึง 100,000 กิโลเมตรให้เลือกใช้งานด้วยเช่นกัน

5.อุณหภูมิเครื่องยนต์สูง

การที่รถยนต์มีอุณหภูมิที่สูง หรือที่เรียกว่าความร้อนขึ้น มาจากระบบระบายความร้อนมีปัญหา เช่น น้ำในระบบหล่อเย็นต่ำ หม้อน้ำรั่วซึม อุดตัน ปั๊มน้ำไม่ทำงาน หรือรั่วซึม พัดลมระบายอากาศไม่ทำงาน หากพบปัญหาระหว่างขับขี่จะทำให้เครื่องยนต์เสียหายจนรถดับกลางอากาศได้

วิธีการรับมือกับสถานการณ์รถดับกลางอากาศ

1.ประคองรถเข้าสู่จุดปลอดภัย

ไม่ควรตื่นตระหนก ให้ทำงานประคองพวงมาลัยเพื่อนำรถเข้าสู่ไหล่ทาง หรือบริเวณที่ปลอดภัยอย่างช้า ๆ ที่สำคัญไม่ควรเหยียบเบรกแรงและกะทันหัน เพราะรถยนต์อาจเสียหลักพลิกคว่ำ

2.เปิดไฟฉุกเฉิน

เปิดไฟฉุกเฉินเพื่อเป็นสัญญาณให้ผู้ขับขี่คนอื่นทราบว่ารถเรามีปัญหา ป้องกันการเกิดอุบัติเหตุซ้ำ

3.โทรขอความช่วยเหลือ

โทรขอความช่วยเหลือ

ให้โทรศัพท์ขอความช่วยเหลือ เช่น ตำรวจ หรือโทรหาบริการรถลากจูงเพื่อนำรถไปยังอู่ที่ใกล้ที่สุดเพื่อทำการแก้ไขเบื้องต้น

ข้อควรระวัง

การตรวจเช็ครถให้มีความสมบูรณ์อยู่เสมอเป็นสิ่งที่ควรทำเป็นประจำ และควรหมั่นสังเกตอาการของรถยนต์ด้วย หากพบอาการผิดปกติให้นำรถไปยังศูนย์บริการหรืออู่ซ่อมรถเพื่อตรวจเช็คเบื้องต้น การฝืนใช้รถที่มีปัญหาจะส่งผลต่อความปลอดภัยในการขับขี่ ถ้าคิดถึงเรื่องประกัน TPIS ตรีเพชรอินชัวรันส์ โบรกเกอร์ประกันภัย เป็นที่ปรึกษาด้านประกันภัยรถยนต์ ประกันการเดินทาง และประกันด้านสุขภาพ