ประกันสุขภาพเหมาจ่ายดีไหม
จากแนวโน้มค่ารักษาพยาบาลที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี เชื่อว่าหลายครอบครัวคิดวางแผนพร้อมเตรียมรับมือกับปัญหานี้ด้วยการมองหาประกันสุขภาพที่จะกลายเป็นตัวช่วยสำคัญเมื่อเกิดการเจ็บป่วยขึ้นกับสมาชิกในครอบครัว แต่ด้วยการแข่งขันในตลาดประกันภัยที่ค่อนข้างสูง ประกันสุขภาพจึงถูกออกแบบความคุ้มครองมาอย่างหลากหลาย จนบางครั้งทำให้ผู้บริโภคเกิดความสับสน เราจึงถือโอกาสนี้มาแนะนำให้รู้จักกับประกันสุขภาพแบบเหมาจ่ายซึ่งกำลังเป็นที่นิยมอยู่ในขณะนี้ ว่าเป็นประกันที่ให้ความคุ้มครองครอบคลุมหรือไม่อย่างไร มีข้อดีข้อด้อยในส่วนใดที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจ
ประกันสุขภาพเหมาจ่ายคืออะไร
ประกันสุขภาพเหมาจ่าย คือ ประกันสุขภาพที่กำหนดวงเงินคุ้มครองค่ารักษาต่อปี และจ่ายค่าใช้จ่ายตามจริงให้กับโรงพยาบาล โดยไม่จำกัดหรือแยกประเภทว่าคุ้มครองค่าใช้จ่ายประเภทใดเป็นจำนวนเงินเท่าไร ซึ่งมีความแตกต่างจากประกันสุขภาพทั่วไป ดังตารางเปรียบเทียบด้านล่าง
ประกันสุขภาพทั่วไป | ประกันสุขภาพเหมาจ่าย |
กำหนดวงเงินคุ้มครองตามประเภทค่าใช้จ่าย เช่น – ค่าห้อง – ค่าอาหาร – ค่าบริการพยาบาล – ค่าแพทย์ตรวจรักษา – ค่าแพทย์ผ่าตัด – ค่าแพทย์วิสัญญี – ค่าห้องผ่าตัด – ค่าตรวจวินิจฉัยทางรังสีวิทยา – ค่ารักษาพยาบาลฉุกเฉินขณะเป็นผู้ป่วยนอก ฯลฯ กรณีเกิดส่วนต่าง ผู้เอาประกันเป็นฝ่ายรับผิดชอบจ่ายให้กับโรงพยาบาลด้วยตนเอง | กำหนดวงเงินรักษาแบบเหมารวมทุกอย่างต่อปี เช่นวงเงินรักษา 1 ล้านบาท ประกันจะเหมาจ่ายค่ารักษาแยกออกมาจากส่วนของค่าห้อง กรณีเกิดส่วนต่างค่าห้อง ผู้เอาประกันรับผิดชอบค่าใช้จ่าย แต่หากเลือกซื้อประกันสุขภาพแบบเหมาจ่ายค่าห้องพักเดี่ยวมาตรฐาน จะไม่เกิดส่วนต่างค่าห้อง เพราะประกันคุ้มครองให้ตามจริง |
ข้อดีของประกันสุขภาพเหมาจ่าย
จากตารางด้านบน จะสังเกตได้ว่าข้อได้เปรียบสำหรับประกันสุขภาพเหมาจ่ายก็คือ การช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายส่วนต่าง แนวโน้มที่ผู้เอาประกันจะไม่ต้องควักเงินจากกระเป๋ามาจ่ายส่วนต่างเลยมีสูงกว่ามาก ในขณะที่ประกันสุขภาพทั่วไปมักมีข้อจำกัดตามประเภทค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เช่น ค่าห้องโรงพยาบาล จำกัดที่ 2,500 บาท ต่อคืน หากผู้เอาประกันเข้ารับการรักษาในห้องราคา 3,500 บาท ต่อคืน ผู้เอาประกันก็จำเป็นต้องรับผิดชอบส่วนต่างในค่าใช้จ่ายประเภทนี้ไป ซึ่งในกรณีนี้ค่าส่วนต่างของค่าห้องโรงพยาบาลต่อ 1 คืน ก็คือ 1,000 บาท หากพักรักษาตัว 3 คืน ส่วนต่างก็จะรวมเป็น 3,000 บาท ยังไม่นับรวมค่าใช้จ่ายประเภทอื่น ๆ ที่อาจเกินจากวงเงินคุ้มครอง จึงไม่น่าแปลกใจที่ประกันสุขภาพแบบเหมาจ่ายจะตอบโจทย์ความต้องการของหลาย ๆ คน
นอกจากประกันประเภทนี้จะให้ความคุ้มครองแบบเหมา ๆ ไม่จำกัดในรายละเอียดแบบจุกจิกให้เกิดความกังวลใจ ลดภาระการจ่ายส่วนต่างที่อาจเกิดขึ้นจากการรักษาพยาบาลแล้ว ยังให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีตามรายละเอียดด้านล่างนี้อีกด้วย
เรื่องควรทราบ ก่อนตัดสินใจซื้อประกันสุขภาพเหมาจ่าย
แม้ประกันสุขภาพเหมาจ่ายจะมีข้อดีมากมาย แต่ก็มีเรื่องที่ควรทราบก่อนตัดสินใจเลือกซื้อ เนื่องจากบางกรมธรรม์อาจกำหนดวงเงินการรักษาต่อครั้งไว้ด้วย เช่น วงเงินคุ้มครองต่อปี คือ 1 ล้านบาท แต่กำหนดวงเงินรักษาต่อครั้งสูงสุดอยู่ที่ 500,000 บาท ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ทำประกันยังควรตรวจสอบก่อนด้วยว่าวงเงินคุ้มครองสูงสุดต่อปี เป็นวงเงินที่ถูกหักออกเรื่อย ๆ หรือเป็นวงเงินคงเดิม เช่น วงเงินคุ้มครองต่อปี 1 ล้านบาท ปีนี้ใช้รักษาตัวไปแล้วหนึ่งเคส ยอดประมาณ 300,000 บาท วงเงินคุ้มครองจะถูกหักเหลือ 700,000 บาท ในระยะเวลาที่เหลือ หรือวงเงินจะยังคงอยู่ที่ 1 ล้านบาท เมื่อรักษาในเคส/ครั้งต่อไป
ในส่วนของข้อเสียนั้นจะเป็นเรื่องของค่าเบี้ยประกัน เมื่อเปรียบเทียบระหว่างประกันสุขภาพเหมาจ่ายและประกันสุขภาพทั่วไป ค่าเบี้ยของประกันสุขภาพแบบเหมาจ่ายจะสูงกว่าเป็นธรรมดา เนื่องจากความคุ้มครองที่ครอบคลุมกว่า แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าประกันสุขภาพทั่วไปจะไม่เหมาะกับใครเลย เนื่องจากประกันสุขภาพทั่วไปจะให้ความคุ้มค่ากับผู้เอาประกันที่มีสวัสดิการอื่น ๆ คุ้มครองอยู่แล้วได้เป็นอย่างดี
อ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนน่าจะทราบแล้วว่าความสำคัญของการเลือกซื้อประกันสุขภาพคือการประเมินความเสี่ยง และสวัสดิการต่าง ๆ ของตนเอง รวมถึงสมาชิกในครอบครัว ว่าเหมาะสมกับประกันสุขภาพประเภทใด จำเป็นต้องมีความคุ้มครองในระดับใด และไม่ควรลืมที่จะตรวจสอบเงื่อนไขความคุ้มครองอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจเลือกซื้อ
ถ้าคิดถึงเรื่องประกัน TPIS ตรีเพชรอินชัวรันส์ โบรกเกอร์ประกันภัย เป็นที่ปรึกษาด้านประกันภัยรถยนต์ ประกันการเดินทาง และประกันด้านสุขภาพ