เที่ยวนารา ขอพรพระใหญ่ ให้อาหารกวาง กับสถานที่อื่นๆไม่ควรพลาด
เมืองนารา (Nara) เป็นหนึ่งในเมืองเก่าแก่ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ทั้งในแง่วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์และธรรมชาติอันงดงาม ‘นารา’ แม้จะไม่คึกคักแบบ ‘โอซาก้า’ แต่ก็เป็นเมืองจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก โดยเฉพาะผู้ที่ชื่นชอบการสัมผัสกับบรรยากาศที่เรียบง่าย , งานคราฟต์ , คาเฟ่ และความสงบอันเป็นเอกลักษณ์ในแบบฉบับญี่ปุ่นดั้งเดิม นารามักจะถูกจดจำในฐานะ ‘เมืองแห่งกวาง’ เพราะมีกวางอาศัยอยู่จำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีสถานที่ที่น่าสนใจอีกมากมายที่คุณไม่ควรพลาด
1. ศาลเจ้าคาสุกะ (Kasuga Taisha Shrine)
เป็นหนึ่งในศาลเจ้าที่ใครได้มาเยือนเมืองนาราแห่งนี้จะต้องไม่พลาดเข้าไปเคารพสักการะ ศาลเจ้าคาสุกะเป็นหนึ่งในศาลเจ้าที่สำคัญและสวยงามที่สุดในนารา ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 768 ในขณะที่นารายังเป็นเมืองหลวงในสมัยนั้น มีอายุมากกว่า 1,300 ปี ถูกสร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับเทพเจ้าผู้พิทักษ์เมืองนารา จุดเด่นของศาลเจ้าคือโคมไฟมากมายที่ประดับอยู่ทั่วบริเวณ ตั้งแต่โคมไฟหินในสวนไปจนถึงโคมไฟโลหะที่แขวนอยู่ภายในศาลเจ้า ทุกปีจะมีเทศกาลโคมไฟ Setsubun Mantoro เป็นประเพณีประจำปีที่จัดขึ้นทุกคืนวันที่ 3 กุมภาพันธ์ มีการจุดโคมไฟทุกดวงสร้างบรรยากาศที่สวยงามในยามค่ำคืน
การเดินทาง : เดิน 30 นาที จาก Kintetsu Nara Station
2. วัดโกฟุคุจิ (Kofukuji Temple)
วัดโกฟุคุจิ ก่อตั้งในปี ค.ศ.669 โดยตระกูลฟูจิวาระ ซึ่งเป็นชนชั้นปกครองในสมัยนั้น วัดโกฟุคุจิเป็นอีกหนึ่งสถานที่สำคัญในเมืองนารา มีเจดีย์ไม้ห้าชั้นที่ถือเป็นหนึ่งในเจดีย์ที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น โดยเจดีย์ของวัดโกฟุคุจิสูงเป็นอันดับสอง มีความสูงประมาณ 50 เมตร สิ่งที่น่าสนใจไม่แพ้เจดีย์ไม้ 5 ชั้น ได้แก่ หอเอนโดะ 8 เหลี่ยม ที่มีอายุมากกว่าร้อยปี ภายในวัดยังมีอาคารและสวนสวยงามให้ได้เยี่ยมชม มีพิพิธภัณฑ์ที่เก็บรวบรวมสมบัติทางศาสนาและภาพแกะสลักไม้ที่วิจิตรบรรจง วัดแห่งนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์และพุทธศิลป์ญี่ปุ่น
การเดินทาง : จากสถานีคินเท็ตสึนารา ใช้เวลาในการเดินประมาณ 5 นาที
3. วัดโฮริวจิ (Horyuji Temple)
วัดโฮริวจิเป็นวัดพุทธที่มีความเก่าแก่และสำคัญมากที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 607 โดยเจ้าชายโชโตกุ จุดเด่นของวัดคืออาคารเจดีย์ไม้ 5 ชั้น ที่ได้รับการยกย่องว่าเก่าแก่ที่สุดในโลกและได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแห่งแรกของญี่ปุ่นในปี ค.ศ.1993 มีอาคารสำคัญ ๆ ถึง 55 อาคาร มีการจัดเก็บวัตถุโบราณทางวัฒนธรรมมากกว่า 2,500 ชิ้น วัดแห่งนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมญี่ปุ่นในยุคแรก
การเดินทาง : จากสถานีเจอาร์โฮริวจิ สามารถเดินเท้าไปยังวัดหรือนั่งรถบัสได้
4. วัดชินยาคุชิจิ (Shinyakushi Temple)
วัดขนาดเล็กที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ที่มีอายุมากกว่าพันปี ในอดีตเคยเป็นที่รักษาตาให้กับจักรพรรดิโชมุ วัดชินยาคุชิจิอาจไม่เป็นที่รู้จักเท่าวัดใหญ่ในนารา แต่ที่นี่เต็มไปด้วยเสน่ห์และความสงบ ภายในวัดมีองค์ ชินโชริตสึโซ 12 องค์ หรือยักษ์ผู้พิทักษ์ที่มีความงดงามและได้รับการอนุรักษ์เป็นอย่างดี สถานที่แห่งนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการหลีกหนีจากความวุ่นวายและสัมผัสความเงียบสงบของธรรมชาติ
การเดินทาง : อยู่ทางตอนใต้ของสวนนารา ใช้เวลาเดินประมาณ 5 นาที
5. สวนอิซุยเอ็น (Isuien Garden)
สวนญี่ปุ่นที่ขึ้นชื่อว่างดงามที่สุดในนารา สวนอิซุยเอ็นเป็นสวนญี่ปุ่นที่สร้างขึ้นอย่างประณีตภายใต้แนวคิดชัคเค โดยมีสระน้ำสะท้อนภาพภูเขาและต้นไม้ที่งดงาม สวนแบ่งออกเป็นสองส่วนหลัก คือสวนด้านหน้าและสวนด้านหลัง แต่ละส่วนมีเสน่ห์และเอกลักษณ์ที่แตกต่างกัน เหมาะสำหรับการเดินเล่นพักผ่อน หรือถ่ายภาพธรรมชาติที่สวยงาม ใครที่ชื่นชอบการจัดสวนในแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมจะต้องไม่พลาด
การเดินทาง : จากสถานีคินเท็ตสึนารา ใช้เวลาเดินประมาณ 15 นาที
6. ช้อปปิ้งที่ถนนฮิกาชิมุกิ (Higashimuki Shopping Street)
แหล่งช้อปปิ้งใจกลางนารา สายช้อปปิ้งไม่ควรพลาด ถนนฮิกาชิมุกิทั้งสองข้างทางเต็มไปด้วยร้านค้าขายของที่ระลึก ของจุกจิก ร้านอาหาร และคาเฟ่น่ารักๆ ยาวมากกว่า 250 เมตร ที่นี่คุณสามารถซื้อขนมพื้นเมืองหรือของฝากต่างๆ โดยเฉพาะขนมโมจิในตำนานที่อร่อยมากหากใครมาช้า อาจหมดและต้องรอมาซื้อในวันถัดไป การไปเดินที่ถนนฮิกาชิมุกิคุณจะได้สัมผัสวิถีชีวิตของคนท้องถิ่น ที่สำคัญคืออากาศเย็นสบาย ไม่ร้อน เดินเล่นกันได้ชิลล์ เพราะเดินภายใต้โดมที่มีความสูง ทำให้ไม่อึดอัดและเดินช้อปปิ้งได้อย่างสบายใจ
การเดินทาง : อยู่ข้างสถานีรถไฟคินเทสึนารา(Kintetsu Nara Station)
อ่านแล้วหรือยัง?
7. ภูเขาคัตสึรางิ (Mt. Katsuragi)
ภูเขาคัตสึรางิเป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับผู้ที่รักธรรมชาติและการเดินป่า ที่นี่คุณจะได้สัมผัสกับวิวทิวทัศน์ที่งดงามของนาราโดยเฉพาะในฤดูใบไม้ร่วงเมื่อใบไม้เปลี่ยนสีที่ภูเขาคัตสึรางิจะกลายเป็นสีแดงและเหลืองที่ปกคลุมไปด้วยดอกกุหลาบพันปี นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นกระเช้าเพื่อชมความงามทางธรรมชาตินี้ได้ หรือจะเลือกเดินเท้าเพื่อพิชิตยอดเขาและชมความงามของธรรมชาติอย่างใกล้ชิด บนยอดเขายังมีศาลเจ้าสำคัญอย่าง ‘ศาลเจ้าคัตสึรางิ’ ให้ได้เคารพสักการะ นอกจากนี้ยังสามารถพักค้างคืนบนยอดเขาเพื่อชมความงามของทะเลหมอกในยามเช้าได้อีกด้วย
การเดินทาง : ขึ้นรถบัสจากสถานีคินเท็ตสึโกะเสะที่อยู่ตรงข้ามสถานีโกะเสะ ใช้เวลาเดินทาง 15 – 20 นาที
8. นารามาจิ (Naramachi) หรือ หมู่บ้านนารา
ย่านเมืองเก่า นาราจิมะ ที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรมบ้านไม้โบราณมาจิยะที่มีอายุมากกว่า 100 ปี แม้จะผ่านล่วงเลยมาแล้วร้อยฝนร้อยหนาว แต่สภาพบ้านเรือนยังคงเสน่ห์และมนต์ขลังของยุคสมัยในอดีตได้ นารามาจิมิใช่เป็นเพียงย่านเก่าแก่ที่เต็มไปด้วยบ้านไม้โบราณเท่านั้น แต่ยังมีร้านค้าหัตถกรรมและพิพิธภัณฑ์เล็ก ๆ ที่น่าสนใจอย่างพิพิธภัณฑ์ของเล่นโบราณของญี่ปุ่นในยุคสมัยเอโดะ ซึ่งตัวของเล่นจะทำจากกระดาษและไม้ คุณสามารถเดินเล่นในตรอกซอกซอยที่เงียบสงบแห่งนี้และเรียนรู้เกี่ยวกับวิถีชีวิตของชาวญี่ปุ่นในอดีตได้
การเดินทาง : เดินประมาณ 25 นาที จากสวนสาธารณะนารา (Nara Park)
9. ศาลเจ้าฮิมุโระ (Himuro Shirayuki Shrine)
ศาลเจ้าฮิมุโระ หรือมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งคือ ‘ศาลเจ้าแห่งเทพเจ้าน้ำแข็ง’ ตั้งอยู่ใกล้กับสวนสาธารณะ นารา ปาร์ค เป็นสถานที่ที่ไม่เหมือนใคร เพราะที่นี่เป็นแหล่งบูชาเทพเจ้าน้ำแข็ง ในอดีตเป็นที่เคารพสักการะของคนงานที่ทำงานด้านน้ำแข็ง เพราะเชื่อกันว่ามีเทพเจ้าน้ำแข็งสิงสถิตอยู่ ทั้งยังเชื่อว่าเทพเจ้าที่นี่สามารถปกป้องอาหารสดใหม่และน้ำให้ใสได้ โดยศาลเจ้ายังมีงานเทศกาลที่จัดขึ้นในช่วงฤดูร้อนของทุก ๆ ปี เรียกเทศกาลนี้ว่า ‘ฮิมุโระชิรายูกิ’ (Himuro Shirayuki Festival) ภายในงานจะมีร้านน้ำแข็งใสมาให้บริการผู้เข้าร่วมงานอยู่เป็นประจำ
การเดินทาง : จากสถานี Kintetsu Nara เดินไปประมาณ 15 นาที
10. พิพิธภัณฑ์ปลาทองที่นารา (Nara Kingyo Museum)
พิพิธภัณฑ์ปลาทองที่ใหญ่ที่สุดในโลก ปลาทองมีความผูกพันกับวัฒนธรรมญี่ปุ่นมาตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 16 ในสมัยมูโรมาจิ ภายหลังจากการนำเข้าปลาทองมาจากประเทศจีน ทำให้เมืองยามาโตะโคริยามะในจังหวัดนาราเป็นสถานที่ที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่นที่มีการเลี้ยงปลาทอง สถานที่แห่งนี้เป็นจุดหมายปลายทางที่ให้ความสุขความสนุกสนานสำหรับครอบครัว โดยเฉพาะเด็กเล็กและผู้ที่ชื่นชอบความสวยงามและความน่ารักของปลาทอง โดยพิพิธภัณฑ์ได้จัดแสดงปลาทองหลากหลายสายพันธุ์ในตู้ปลาที่ตกแต่งอย่างสวยงาม ที่นี่คุณจะได้พบกับปลาทองหลายสายพันธุ์และบางสายพันธุ์อาจไม่เคยเห็นมาก่อนในประเทศไทย ไม่เพียงแต่จะเป็นสถานที่เพื่อการเรียนรู้ แต่ยังมีการออกแบบมุมสำหรับการถ่ายภาพเพื่อให้ผู้ที่ชื่นชอบปลาทองได้ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกอันสวยงามอีกด้วย
การเดินทาง : มีบริการรถรับส่งฟรีจากสถานี Kintetsu Nara, สถานี JR Nara และสถานี Kintetsu Shin-Omiya
11. พิพิธภัณฑ์แห่งชาตินารา (Nara National Museum)
พิพิธภัณฑ์แห่งชาตินารา ตั้งอยู่ภายในบริเวณสวนสาธารณะนารา ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ.1889 เป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงศิลปะและโบราณวัตถุที่สำคัญของญี่ปุ่น มีการจัดแสดงผลงานศิลปะและโบราณวัตถุที่น่าสนใจ การเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์แห่งชาตินาราจะทำให้คุณได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของญี่ปุ่นอย่างลึกซึ้ง พิพิธภัณฑ์แห่งชาตินาราเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจประวัติศาสตร์และศิลปะญี่ปุ่น ภายในจัดแสดงสมบัติทางพุทธศาสนา รวมถึงพระพุทธรูปและวัตถุโบราณที่หาชมได้ยาก
การเดินทาง : จาก Kintetsu Nara Station เดินประมาณ 800 เมตร
12. นาขั้นบันไดอินาบูชิ (Inabuchi Terraced Rice Fields)
สัมผัสวิถีชีวิตเกษตรกรรมญี่ปุ่นที่หมู่บ้านอาสุคะ (Asuka) ที่นี่คุณจะได้พบกับนาขั้นบันไดอินาบูชิ แหล่งท่องเที่ยวที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสกับความงดงามของชนบทญี่ปุ่น นาขั้นบันไดอินาบูชิเป็นนาขั้นบันไดที่สวยงาม มีทิวทัศน์ที่น่าประทับใจ การเยี่ยมชมนาขั้นบันไดอินาบูชิ จะทำให้คุณได้ชื่นชมความงามของธรรมชาติและได้เรียนรู้เกี่ยวกับการทำนาแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น คุณสามารถเดินเล่นและชมวิวทุ่งนาในบรรยากาศเงียบสงบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูเก็บเกี่ยวทุ่งนาจะเปลี่ยนเป็นสีทอง หรือหากมาในช่วงต้นฤดูการปลูกข้าว คุณจะมองเห็นทุ่งนาเป็นสีเขียวขจีเต็มพื้นที่
การเดินทาง : จากสถานี Kintetsu Nara Station ไปลงที่สถานี Asuka Station นั่งแท็กซี่ หรือขี่จักรยานไปยังนาข้าวใช้เวลาประมาณ 10 นาที
13. สวนสาธารณะนารา (Nara Park)
ที่มาของคำว่า ‘เมืองแห่งกวาง’ กับสถานที่ที่มีกวางมากที่สุดแห่งหนึ่ง สวนสาธารณะนาราเป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่นักท่องเที่ยวทุกคนต้องแวะมาเยี่ยมเยือน ที่นี่มีกวางอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก และถือเป็นสัญลักษณ์ของเมืองนี้ไปแล้ว การเดินเล่นในสวนสาธารณะนาราจะทำให้คุณได้สัมผัสกับความน่ารักของกวาง คุณสามารถให้อาหารกวางได้โดยการซื้อเซมเบ้ (ขนมสำหรับกวาง) ที่มีขายในสวน ที่สำคัญอย่าลืมอ่านป้ายเตือนว่าอย่าแกล้งกวาง เพราะอาจโดนกวางวิ่งไล่ได้ บรรยากาศภายในสวนเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่และพื้นที่โล่ง เหมาะสำหรับการพักผ่อนอย่างแท้จริง สำหรับใครที่จะมา Nara Park แห่งนี้และกำลังเที่ยวชมวัดโทไดจิ อยู่ สามารถเดินมาได้ เพียง 300 เมตรเท่านั้น
การเดินทาง : Kintetsu Nara Station เดินประมาณ 800 เมตร
นารามิใช่เป็นเพียงแค่เมืองแห่งกวาง แต่ยังเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยธรรมชาติ วัฒนธรรมและมิตรภาพที่สวยงาม เมืองนี้เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวสายผจญภัยและผู้ที่ต้องการพักผ่อนในบรรยากาศที่สงบสุข หากคุณมีโอกาสได้ไปเยือนญี่ปุ่น อย่าลืมเพิ่มนาราเข้าไปในแผนการเดินทางของคุณ แล้วคุณจะตกหลุมรักเมืองนี้อย่างแน่นอน
ถ้าคิดถึงเรื่องประกัน TPIS ตรีเพชรอินชัวรันส์ โบรกเกอร์ประกันภัย เป็นที่ปรึกษาด้านประกันภัยรถยนต์ ประกันการเดินทาง และประกันด้านสุขภาพ