20 ที่เที่ยวโอซาก้าด้วยตัวเองง่าย ๆ ที่ห้ามพลาด
โอซาก้า เมืองแห่งความบันเทิง อาหารอร่อยและวัฒนธรรมอันลุ่มลึก เป็นอีกหนึ่งเมืองในญี่ปุ่นที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ด้วยความสะดวกสบายในการเดินทางและสถานที่ท่องเที่ยวที่หลากหลาย บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจ 20 สถานที่เที่ยวโอซาก้าที่ห้ามพลาด พร้อมข้อมูลการเดินทางและความน่าสนใจที่คุณต้องรู้ก่อนเดินทางไปเที่ยว
1. ย่านโดทงโบริ (Dotonbori)
ถนนโดทงโบริ (Dotonbori) ในโอซาก้าเป็นย่านการค้าและแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังที่ตั้งอยู่เลียบคลองซึ่งขุดขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1612 เพื่อเชื่อมต่อกับแม่น้ำ คำว่า ‘โบริ’ มีรากศัพท์จาก ‘โฮริ’ ที่แปลว่าคลอง สองข้างทางเต็มไปด้วยป้ายไฟนีออนสีสันสดใส ร้านอาหารมากมายและบรรยากาศคึกคักตลอดทั้งวันและในยามค่ำคืน ที่นี่เป็นสัญลักษณ์ของโอซาก้า โดยเฉพาะป้ายรูปปูยักษ์ของร้าน Kani Doraku และรูปป้ายกูลิโกะที่เป็นจุดเช็คอินยอดนิยม คุณสามารถเดินเล่น ชิมอาหารอร่อย ๆ และเพลิดเพลินกับบรรยากาศยามค่ำคืนได้อย่างเต็มที่
การเดินทาง : สามารถเดินทางได้สะดวกโดยรถไฟใต้ดิน หรือรถไฟ JR ลงที่สถานี Namba
2. ปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle)
ปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle) สัญลักษณ์แห่งประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม เป็นสัญลักษณ์สำคัญของโอซาก้า สร้างขึ้นในปี 1583 โดย ฮิเดโยชิ โทโยโตมิ หรือ นโปเลียนแห่งญี่ปุ่น เคยเป็นศูนย์กลางการสู้รบในยุคโบราณ แม้จะถูกทำลายและบูรณะหลายครั้ง แต่ตัวปราสาทในปัจจุบันสร้างขึ้นใหม่ในปี 1931 ภายในมีพิพิธภัณฑ์จัดแสดงเรื่องราวทางประวัติศาสตร์กว่า 10,000 ชิ้น
การเดินทาง : รถไฟสาย Osaka Loop: ลงสถานี Morinomiya (ตะวันออกเฉียงใต้) หรือ Osaka-jokoen (ตะวันออกเฉียงเหนือ)
3. ศาลเจ้านัมบะ ยาซากะ (Namba Yasaka Shrine)
ศาลเจ้านัมบะ ยาซากะ เป็นศาลเจ้าเล็ก ๆ ตั้งอยู่ย่านนัมบะ แต่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนและสัมผัสกับความเงียบสงบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเทศกาลต่าง ๆ ศาลเจ้านัมบะ ยาซากะ ห่างจากป้ายกูลิโกะที่ใช้เวลาในการเดินประมาณ 15 นาที จุดเด่นของศาลเจ้านี้คือ หัวสิงโตขนาดยักษ์ สูง 12 เมตร กว้าง 11 เมตร และลึก 7 เมตร ที่ดูเหมือนกำลังอ้าปากกว้าง เชื่อกันว่าปากสิงโตสามารถกลืนกินสิ่งชั่วร้ายและนำความโชคดีมาให้ โดยเฉพาะด้านการงาน การเรียน และธุรกิจ ทำให้ศาลเจ้าแห่งนี้เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวและสายมูเตลู
การเดินทาง : รถไฟ JR ลงที่สถานี JR Namba Station เดินต่อประมาณ 10 นาที
4. ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ เจแปน (Universal Studio Japan)
สวนสนุกยูนิเวอร์แซลสตูดิโอ เจแปน หรือ USJ ตั้งอยู่ในจังหวัดโอซาก้า เป็นสวนสนุกธีมปาร์คแห่งแรกของ Universal Studios ที่สร้างนอกอเมริกา USJ โดดเด่นด้วยการนำธีมจากภาพยนตร์ การ์ตูน และเกมดังมาสร้างเป็นโซนต่างๆ
สำหรับใครที่จะมาเล่นเครื่องเล่นที่ ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ เจแปน ควรเตรียมตัวและวางแผนการเล่นให้ดี เพราะจะได้ไม่ต้องรอคิวนาน โดยเฉพาะหากมาในช่วงวันหยุด อีกทั้งในวันธรรมดาจะมีราคาค่าบริการถูกกว่าวันหยุด แต่ถ้าใครมีบัทเจ็ตแบบเหลือ ๆ สามารถเลือกใช้บริการ Universal Express Pass เพื่อช่วยลดเวลาเข้าคิวและเล่นเครื่องเล่นไฮไลต์ได้ครบภายในวันเดียว
การเดินทาง : ให้ใช้รถไฟ JR West สาย Yumesaki Line เพียงสายเดียวเท่านั้น เพราะสถานีรถไฟอยู่ใกล้กับสวนสนุกมากที่สุด
5. วัดชิเทนโนจิ (Shitennoji Temple)
สำหรับผู้ที่ชื่นชอบประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรมโบราณ หรือมองหาสถานที่เสริมดวง วัดชิเทนโนจิคือสถานที่ที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนโอซาก้า เสน่ห์ของความขลังและความงดงามของวัดแห่งนี้ยังดึงดูดใจผู้คนจากทั่วโลกมาชมและสักการะอย่างไม่ขาดสาย วัดชิเทนโนจิ (Shitennoji Temple) ตั้งอยู่ในย่านเทนโนจิ เมืองโอซาก้า (Osaka) เป็นวัดพุทธที่เก่าแก่และมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์อย่างยิ่ง โดยมีอายุมากกว่า 1,400 ปี สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 593 โดยเจ้าชายโชโตกุ ไทชิ (Prince Shotoku) ผู้มีบทบาทสำคัญในการนำพระพุทธศาสนามาสู่ญี่ปุ่น
การเดินทาง : รถไฟใต้ดิน Osaka Metro สาย Tanimachi Line ลงสถานี Shitennoji-mae Yuhigaoka เดิน 3-5 นาที
6. หุบเขามิโนะ (Minoo Park)
หากใครมาเที่ยวโอซาก้า (Osaka) ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน ไม่ควรพลาดที่จะไปชมน้ำตกมิโนะ (Minoo Waterfall) ซึ่งตั้งอยู่ในวนอุทยานแห่งชาติเมจิ โนะ โมริ มิโน (Meiji no Mori Minoo Park) แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่โดดเด่นด้วยใบไม้เปลี่ยนสี เป็นจุดชมวิวหลักที่รายล้อมด้วยธรรมชาติอันเขียวชอุ่มและยิ่งสวยงามเป็นพิเศษในฤดูใบไม้ร่วงเมื่อใบเมเปิ้ลเปลี่ยนสีสดใส นอกจากนี้ยังมีอาหารท้องถิ่นอย่าง ‘โมมิจิเทมปุระ’ (Momiji Tempura) ซึ่งเป็นใบเมเปิ้ลชุบแป้งทอดให้ลองลิ้มรส
การเดินทาง : จาก Umeda Station โดยสาร Hankyu Takarazuka Line ไปสถานี Ishibashi เปลี่ยนเป็น Hankyu Minoo Line ไปสถานี Minoo (5 นาที) จากนั้นเดินเท้าประมาณ 50 นาทีถึงน้ำตก
7. ศาลเจ้าสุมิโยชิ (Sumiyoshi Taisha Shire)
ศาลเจ้าสุมิโยชิ ไทฉะ (Sumiyoshi Taisha) เป็นหนึ่งในศาลเจ้าที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น ตั้งอยู่ในเมืองโอซาก้า สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 211 ปัจจุบันมีอายุยาวนานกว่า 2,000 ปี ภายในศาลเจ้าเป็นที่ประดิษฐานของเทพเจ้าคามิ (Kami) ผู้คุ้มครองนักเดินทางและชาวเรือ อาคารหลักที่เห็นในปัจจุบันถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1810
สัญลักษณ์สำคัญคือ สะพานโค้งสีแดง โซริฮาชิ (Sorihashi) เป็นสะพานโค้งที่โดดเด่นมีอีกชื่อว่า ‘ไทโกะบาชิ’ (Taikobashi) เนื่องจากรูปร่างที่สะท้อนกับผิวน้ำดูคล้ายกลองญี่ปุ่น วิวของสะพานแห่งนี้ได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 100 วิวที่สวยที่สุดในภูมิภาคคันไซ ภายในศาลเจ้ามีเทวาลัย 4 หลัง ตั้งเรียงกัน โดย 3 หลังเป็นที่ประดิษฐานของเทพเจ้าแห่งท้องทะเล และอีก 1 หลัง เป็นที่สถิตขององค์จักรพรรดินีผู้สั่งให้สร้างศาลเจ้า เทวาลัยทั้งสี่นี้ถือเป็นสมบัติชาติและสัญลักษณ์ทางประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น ที่นี่ยังมีเครื่องรองยอดนิยมอย่าง ‘โกไดริกิ อิชิโมริ’ เครื่องรางพิเศษในรูปแบบถุงแป้งสำหรับใส่หินขอพร วิธีการขอพรคือเลือกหินที่มีตัวอักษร 3 ตัว จากจุดขอพร ใส่ในถุงเครื่องราง จากนั้นลูบรูปปั้นกระต่ายผู้ส่งสารของเทพเจ้าเพื่อขอพร
การเดินทาง : จากสถานี Sumiyoshi Taisha เดินประมาณ 1 นาที หรือ จากสถานี Sumiyoshi-Toriimae เดินประมาณ 1 นาที
8. พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำนิฟุเรรุ (Nifrel Aquazoo)
พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ Nifrel ตั้งอยู่ในอาคาร Expo City เมืองโอซาก้า ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวทันสมัยและได้รับความนิยมสูง จุดเด่นของที่นี่คือการจัดแสดงสัตว์น้ำและสัตว์หลากหลายชนิดด้วยเทคโนโลยี Interactive ผสมผสานแสง สี เสียงอย่างลงตัว สร้างประสบการณ์ใหม่ที่ไม่เหมือนพิพิธภัณฑ์ทั่วไป ตัวพิพิธภัณฑ์แบ่งออกเป็น 2 ชั้น มีการจัดแสดงใน 7 โซนหลักด้วยกัน
การเดินทาง : จากสถานี Shin-Osaka นั่งรถไฟสาย Midosuji Subway Line ไปสถานี Senri-Chuo (ประมาณ 15 นาที) ต่อรถไฟสาย Osaka Monorail Line ไปสถานี Bampaku-KinenKoen เดินประมาณ 2 นาที
9. ทีมแล็บ โอซาก้า (teamLab Botanical Garden Osaka)
Teamlab Botanical Garden คือนิทรรศการศิลปะดิจิทัลที่จัดแสดงในสวนพฤกษศาสตร์ Nagai Botanical Garden เมืองโอซาก้า ภายใต้แนวคิด Digitized Nature ผสมผสานความงามของธรรมชาติกับเทคโนโลยีดิจิทัล ผ่านการใช้โปรเจ็กเตอร์และแสงไฟเพื่อเปลี่ยนต้นไม้ ดอกไม้ และบ่อน้ำ ให้กลายเป็นผลงานศิลปะที่ไม่เหมือน Teamlab ใด ๆ
นิทรรศการนี้จัดขึ้นกลางแจ้งและเปิดให้เข้าชมเฉพาะช่วงกลางคืน ตั้งแต่เวลา 18.00-21.30 น. เพื่อเน้นความงดงามของแสงไฟที่ผสานกับบรรยากาศยามค่ำคืน
การเดินทาง : นั่งรถไฟใต้ดินสาย Midosuji Line ลงที่สถานี Nagai ออกทางออกหมายเลข 3 และเดินต่อประมาณ 10 นาที
10. ตึกอูเมดะ สกาย (Umeda Sky Building)
Umeda Sky Building เป็นหนึ่งในตึกระฟ้าที่โด่งดังที่สุดของเมืองโอซาก้า ด้วยความสูง 173 เมตร มีทั้งหมด 40 ชั้น ออกแบบโดย ‘ฮิโรชิ ฮาระ’ (Hiroshi Hara) ผู้เคยออกแบบสนามบินซัปโปโร ชิโตเซ ตึกนี้สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1988 และเสร็จสมบูรณ์ในปี ค.ศ. 1993 โครงสร้างที่เป็นเอกลักษณ์ของอาคารทั้งสองหลัง ถูกเชื่อมต่อกันด้วยจุดชมวิวด้านบน ซึ่งเป็นจุดเด่นที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก
จุดชมวิว Kuchu Teien Observatory หรือ ‘สวนลอยฟ้า’ ตั้งอยู่ด้านบนสุดของตึก ให้ผู้มาเยือนเพลิดเพลินกับวิว 360 องศาของเมืองโอซาก้า ทั้งในพื้นที่ Indoor และ Outdoor ใครที่ชื่นชอบการชมวิวสกายไลน์ของเมืองจะไม่ผิดหวัง ที่นี่เป็นสถานที่เหมาะสำหรับชมวิวทั้งกลางวันและกลางคืน
การเดินทาง : จากสถานี JR Osaka (Central North Exit) เดินประมาณ 7 นาที
อ่านแล้วหรือยัง?
11. พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูคัง (Osaka Aquarium Kaiyukan)
พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูคัง (Osaka Aquarium KAIYUKAN) เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของโอซาก้า ตั้งอยู่บริเวณท่าเรือ Santa Maria และถือเป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดดเด่นด้วยการจัดแสดงสัตว์น้ำจากระบบนิเวศหลากหลายแห่ง พร้อมธีมที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก Gaia Hypothesis ซึ่งนำเสนอโดยนักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษ James Lovelock โดยเน้นแนวคิดว่าชีวิตทุกสิ่งบนโลกเชื่อมโยงกันอย่างลึกซึ้ง
เส้นทางและโซนจัดแสดงที่น่าสนใจ
การเดินทาง : รถไฟใต้ดินสาย Chuo Line ลงที่สถานี Osakako แล้วเดินประมาณ 10 นาที
12. พิพิธภัณฑ์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป (Momofuku Ando Instant Ramen Museum)
พิพิธภัณฑ์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป The Momofuku Ando Instant Ramen Museum ตั้งอยู่ในเมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น เป็นสถานที่ที่มอบความเคารพต่อผู้สร้างบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปคนแรก Momofuku Ando ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งแบรนด์ Nissin และคิดค้น Chicken Ramen (บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไก่) ขึ้นในปี 1958 เป็นครั้งแรกในโลก
ไฮไลท์ของพิพิธภัณฑ์
การเดินทาง : พิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่ใกล้สถานี Ikeda และจากทางออก Masumi-cho Uhocho เดินไปประมาณ 15 นาที
13. ย่านชินเซไก ท่องราตรียามค่ำคืน (Shinsekai)
‘ชินเซไก’ หรือ ‘โลกใหม่’ เป็นย่านที่มีเสน่ห์ในเมืองโอซาก้า เต็มไปด้วยบรรยากาศย้อนยุคสไตล์เรโทรและเป็นที่รู้จักดีในหมู่นักท่องเที่ยวและคนท้องถิ่น จุดเด่นของย่านนี้ คือ ‘โคมไฟนานาชนิด’ ที่ตกแต่งอย่างสวยงาม หอคอยซึเทนคาคุ (Tsutenkaku) สัญลักษณ์สำคัญที่ตั้งอยู่ใจกลางย่าน ซึ่งสร้างขึ้นในปี 1912 และยังคงเป็นจุดชมวิวที่ได้รับความนิยม
ย่านนี้จะคึกคักที่สุดในตอนกลางคืนอย่างแถว Jan Jan Yokocho ถนนแคบๆ ที่เต็มไปด้วยร้านอาหารและร้านดื่มที่ให้บรรยากาศท้องถิ่นอย่างแท้จริง ร้านค้าบริเวณนี้มีอาหารและขนมหลากหลายให้ลองชิม รวมถึง คุชิคัตสึ (Kushikatsu) หรืออาหารทอดเสียบไม้ ที่เป็นเมนูเด็ดของที่นี่ ส่วนร้านอื่น ๆ ก็มีอย่างเช่น ทาโกยากิ , โอโคโนมิยากิ และร้านอิซากายะ (ร้านเหล้าสไตล์ญี่ปุ่น) ร้านส่วนใหญ่เปิดตั้งแต่ตอนเช้าและคึกคักเป็นพิเศษในช่วงเย็น
การเดินทาง : เดิน 3 นาทีจากสถานี Ebisucho สาย Sakaisuji Line ทางออก 3
14. พิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งชาติโอซาก้า (National Art Museum)
พิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งชาติโอซาก้า ตั้งอยู่บนเกาะนาคาโนะชิมะในเมืองโอซาก้า เปิดให้เข้าชมตั้งแต่ปี 2007 และมีคอลเล็กชันงานศิลปะร่วมสมัยจากทั่วโลกประมาณ 8,000 ชิ้น ส่วนใหญ่เป็นผลงานตั้งแต่ปี 1945 เป็นต้นมา
พิพิธภัณฑ์ประกอบด้วยพื้นที่จัดแสดงบริเวณชั้นใต้ดินสูงถึง 3 ชั้น และมีความเชื่อมโยงกับพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์โอซาก้า (Osaka Science Museum) ที่อยู่ใกล้เคียง จุดเด่นของอาคารคือการออกแบบในรูปทรงคล้ายต้นไผ่ ซึ่งสะท้อนถึงการเติบโตและความเปลี่ยนแปลงของศิลปะร่วมสมัย
การเดินทาง : จากสถานีโอซาก้า/อุเมะดะ เดินไปที่สถานี นิชิ-อุเมะดะ แล้วขึ้นรถไฟใต้ดินสาย ยตสึบาชิ ไปยังสถานี ฮิโงะบาชิ จากนั้นเดินต่อไปยัง นากาโนชิมะ หรือโดยสารรถไฟจาก Keihan Nakanoshima Line ลงที่สถานี Nakanoshima Station
15. ตลาดคุโรมง (Kuromon Market)
‘ตลาดคุโรมง’ หรือที่รู้จักกันในนาม ‘ครัวของโอซาก้า’ เป็นตลาดอาหารสดชื่อดังระดับโลก ตั้งอยู่ใจกลางเมืองโอซาก้า ทอดยาวขนานไปกับถนนซาไกสุจิโดริ (Sakaisujidori Street) กว่า 600 เมตร ภายในตลาดรวบรวมร้านค้ากว่า 150 ร้าน จำหน่ายสินค้าหลากหลาย มีตั้งแต่อาหารทะเลสด ๆ , เนื้อสัตว์คุณภาพ , ผัก , ผลไม้ ไปจนถึงอาหารปรุงสำเร็จและของฝากมากมาย ที่นี่คุณจะได้พบกับวัตถุดิบสดใหม่ คุณภาพเยี่ยมและอาหารหลากหลายรสชาติ ไม่ว่าจะเป็นซูชิ , อาหารทะเลย่าง , เต้าหู้ , เนื้อคุณภาพ , ข้าวหน้าปลาไหล และขนมญี่ปุ่น
การเดินทาง : ใช้รถไฟใต้ดิน Osaka Metro สาย Sennichimae Line ลงที่สถานีนิปปงบาชิ (Nippombashi Station) แล้วเดินต่ออีกเพียง 2 นาที ก็จะถึงตลาดแล้ว
16. วัดโฮซึ (Hozo-ji Temple): สถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งชินเซไก โอซาก้า
ในใจกลางย่านชินเซไก ของเมืองโอซาก้า มีวัดโฮซึ (ฃซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ที่มีประวัติและความสำคัญทางศาสนาในเมืองโอซาก้า วัดแห่งนี้ไม่ได้เป็นที่รู้จักกันในหมู่นักท่องเที่ยวต่างชาติเท่ากับวัดอื่นๆ แต่กลับมีเสน่ห์และมนต์ขลังที่ดึงดูดให้ผู้คนแวะเวียนไปเยือน ทั้งในด้านประวัติศาสตร์ ศิลปะ และบรรยากาศที่เงียบสงบ
จุดเด่นของวัดโฮซึ
การเดินทาง : จากสถานีรถไฟในโอซาก้า โดยสามารถเดินทางจาก สถานีชินเซไก (Shinsekai Station) ซึ่งห่างจากวัดเพียงไม่กี่นาที หากเดินจากสถานีมุ่งตรงไปที่ย่านชินเซไก จะพบกับวัดตั้งอยู่ในบริเวณที่สงบเงียบ ท่ามกลางบรรยากาศของร้านค้าและบ้านเรือนเก่าแก่
นอกจากนี้ ยังสามารถเดินทางโดยรถไฟใต้ดินสาย Sakuragawa Line และลงที่สถานี Ebisucho Station หรือใช้แท็กซี่เพื่อให้สะดวกยิ่งขึ้น
17. ศาลเจ้าโอฮัทสึ เทนจิน (Ohatsu Tenjin Shrine)
ศาลเจ้าแห่งความรัก Tsuyunoten Shrine หรือที่ชาวโอซาก้ามักเรียกกันว่า ‘Ohatsu Tenjin’ ตั้งอยู่ในย่านอุเมดะ อันเป็นแหล่งช้อปปิ้งชื่อดังของโอซาก้า ศาลเจ้าแห่งนี้มีประวัติศาสตร์ยาวนานนับพันปีและเป็นที่รู้จักในฐานะสัญลักษณ์ของความรักที่มั่นคงและเสียสละ
ตำนานเล่าถึงหญิงสาวนักแสดงชื่อ ‘โอฮัตสุ’ (Ohatsu) ซึ่งอาศัยอยู่ใกล้ศาลเจ้าและได้ตกหลุมรักกับชายหนุ่มนามว่า ‘โทคุเบะ’ (Tokubei) หลานชายของพ่อค้าผู้มั่งคั่ง อย่างไรก็ตามด้วยความต่างฐานะของทั้งคู่ทำให้ความรักถูกขัดขวางจนทั้งสองตัดสินใจปลิดชีพตนเองในปี ค.ศ. 1703 บริเวณศาลเจ้าแห่งนี้เพื่อแสดงถึงความรักที่ไม่อาจแยกจากกันได้ เรื่องราวอันน่าเศร้าของทั้งคู่ถูกนำมาถ่ายทอดเป็นละครหุ่นกระบอกและละครคาบุกิชื่อดัง ‘โซเนะซากิชินจู’ (Sonezaki Shinju) โดย ‘ชิคามัตสึ มอนซาเอมอน’ (Chikamatsu Monzaemon) นักประพันธ์ชื่อดังของญี่ปุ่น ทำให้ศาลเจ้าแห่งนี้กลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในด้านความรัก ผู้คนมากมายเดินทางมาสักการะเพื่อขอพรเกี่ยวกับความรักและความสัมพันธ์
การเดินทาง : จากสถานี Umeda หรือ Nishi-umeda และเดินต่อประมาณ 10 นาที
18. ศาลเจ้าโอซาก้าเทมมังงุ (Osaka Tenmangu Shrine)
ศาลเจ้าโอซาก้าเทมมังงุ ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 949 เพื่ออุทิศให้แก่ ‘สุกาวาระ มิชิซาเนะ’ (Sugawara Michizane) นักปราชญ์ผู้มีชื่อเสียงในสมัยเฮอัน ท่านเป็นที่ยกย่องในความเฉลียวฉลาด ความรอบรู้และความสามารถทางกวีนิพนธ์ หลังจากเสียชีวิต ท่านได้รับการยกย่องเป็นเทพเจ้าเทนจิน เทพแห่งปัญญา ผู้ที่ชาวญี่ปุ่นโดยเฉพาะนักเรียนและนักศึกษาเคารพบูชาและขอพรเพื่อความสำเร็จด้านการศึกษา
ศาลเจ้าโอซาก้าเทมมังงุเป็นหนึ่งในสถานที่หลักของการจัด ‘เทศกาล Tenjin Matsuri’ ซึ่งเป็น 1 ใน 3 เทศกาลใหญ่ของญี่ปุ่น เทศกาลนี้จัดขึ้นทุกปีในวันที่ 24-25 กรกฎาคม ภายในงานจะมีขบวนแห่เกี้ยวศักดิ์สิทธิ์ (Mikoshi) การล่องเรือกว่า 100 ลำ ในแม่น้ำโอกาวะ และการจุดดอกไม้ไฟ สร้างความสวยงามและครื้นเครงให้แก่เมืองโอซาก้า เทศกาลนี้ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้มาชมและสัมผัสวัฒนธรรมญี่ปุ่น
การเดินทาง : สามารถเดินทางได้โดยรถไฟใต้ดิน ลงที่สถานี Minamimorimachi เดินต่อ 5 นาที
19. หมู่บ้านอเมริกา โอซาก้า (America Mura)
จุดเริ่มต้นของชื่อ ‘อเมริกามูระ’ เดิมย่านนิชิ-ชินไซบาชิในโอซาก้าถูกเรียกว่า ‘สุมิยะมาจิ’ ซึ่งเป็นแหล่งค้าถ่านและไม้แปรรูป ต่อมาในปี ค.ศ. 1969 บรรยากาศย่านนี้เริ่มเปลี่ยนเมื่อ ‘มิราโกะ ฮิกิริ’ (Mariko Higiri) เปิดร้านกาแฟที่ดึงดูดเหล่าครีเอทีฟและนักออกแบบให้มารวมตัวกัน จึงเป็นต้นเรื่องแห่งการเกิดการพัฒนาย่านนี้ให้เป็นพื้นที่ถ่ายทอดวัฒนธรรมใหม่ โดยมีตลาดนัดขายของหายากจากสหรัฐอเมริกา เช่น กางเกงยีนส์ , เสื้อยืด , แผ่นเสียง และกระดานโต้คลื่น
สินค้านำเข้าจากอเมริกาทำให้พื้นที่นี้ค่อย ๆ เติบโต จนในปี ค.ศ. 1980 ได้รับการเรียกว่า ‘อเมริกามูระ’ หรือ ‘อาเมมูระ’ อย่างเป็นทางการ ปัจจุบันย่านนี้เต็มไปด้วยร้านค้าแฟชั่น , สินค้านำเข้า , คาเฟ่ , บาร์ , แหล่งแสดงงานศิลปะและสถานบันเทิง
การเดินทาง : จากสถานี Shinsaibashi เดินอีกประมาณ 3 นาที
20. เดนเดนทาวน์ (DENDEN Town)
Nipponbashi Denden Town ศูนย์รวมของเล่น โมเดล การ์ตูนและกันดั้มที่ใหญ่ที่สุดในคันไซ เทียบได้กับ Akihabara ในโตเกียว โดยมีร้านดังมากมาย เช่น Animate , Gamers , Mandarake และ Super Kids Land รวมถึงคาเฟ่ธีมอนิเมะ และร้านขายของหายากที่ดึงดูดนักสะสมจากทั่วประเทศ นอกจากนี้ย่านนี้ยังมีร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าปลอดภาษี พร้อมโปรโมชั่นลดราคาและคูปองพิเศษให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ
แม้ว่า เดนเดนทาวน์ จะเล็กกว่า Akihabara แต่เดินง่ายและหาของสะสมหายากได้ในราคาถูกกว่า เหมาะสำหรับคนรักการ์ตูนและนักสะสมที่มองหาของพิเศษในบรรยากาศที่ผ่อนคลายกว่า
การเดินทาง : จากสถานี Nipponbashi ใช้ทางออกหมายเลข 10 เลี้ยวซ้ายเจอทางเข้าตลาดคุโระมง เดินตรงไปอีกประมาณ 7 นาที ก็จะเจอ Nipponbashi Denden Town
นี่เป็นเพียง 20 สถานที่เที่ยวโอซาก้าที่น่าสนใจ ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ อีกมากมายที่รอให้คุณไปสำรวจ อย่าลืมวางแผนการเดินทางและเตรียมตัวให้พร้อม เพื่อสัมผัสกับความสนุกสนานและความประทับใจ ในเมืองโอซาก้า
ถ้าคิดถึงเรื่องประกัน TPIS ตรีเพชรอินชัวรันส์ โบรกเกอร์ประกันภัย เป็นที่ปรึกษาด้านประกันภัยรถยนต์ ประกันการเดินทาง และประกันด้านสุขภาพ