10 ที่เที่ยวเซนได ญี่ปุ่น ด้วยตัวเองเมืองแห่งต้นไม้สุดน่ารัก
เซนได เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคโทโฮคุ (Tohoku) ของประเทศญี่ปุ่นและเป็นเมืองหลวงของจังหวัดมิยางิ (Miyagi Prefecture) มีประชากรประมาณ 1 ล้านคน นับเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของญี่ปุ่น รองจากซัปโปโร
เซนได ก่อตั้งในปี ค.ศ. 1600 โดย ‘ไดเมียวดาเตะ มาซามุเนะ’ ผู้ปกครองที่มีชื่อเสียง เป็นศูนย์กลางทางการเมืองและวัฒนธรรมของภูมิภาคโทโฮคุมาตั้งแต่สมัยเอโดะ ได้รับฉายาว่า City of Trees เนื่องจากเป็นเมืองที่มีต้นไม้จำนวนมาก .. ในบทความนี้จะพาไปรู้จักกับ 10 สถานที่ท่องเที่ยวเซนไดด้วยตนเอง จะมีที่ใดบ้างไปดูกัน
สุสานซูอิโฮเดน (Zuihoden Mausoleum)
เป็นสุสานที่มีความสวยงามของตระกูลดาเตะ ผู้ปกครองแคว้นเซนไดในอดีต ตั้งอยู่ท่ามกลางป่าสนที่เขียวชอุ่มบนเนินเขา ตัวอาคารมีความโดดเด่นไปด้วยการแกะสลักไม้อันวิจิตร ผสานการประดับตกแต่งด้วยทองคำอันแสดงถึงความหรูหราในแบบโมโมยามะ ความสวยหรูหราอันทรงคุณค่าของสิ่งประดับต่าง ๆ สะท้อนให้เห็นถึงอำนาจ ความรุ่งเรือง ความมั่งคั่งของตระกูลดาเตะในยุคเอโดะ นักท่องเที่ยวที่ไปเยือนจะได้สัมผัสกับความสงบและความขลังของสถานที่แห่งนี้
การเดินทาง : ขึ้นรถโดยสาร Loople Sendai bus จากสถานี Sendai Station ไปประมาณ 20 นาที ลงที่ป้ายรถเมล์หมายเลข 4 แล้วเดินต่อประมาณ 150 เมตร
ค่าเข้าชม : 570 เยน (ค่าเข้าชมอาจมีการเปลี่ยนแปลง)
เวลาเปิด-ปิด : 9:00-16:30 น. (เวลาปิดอาจเร็วขึ้นในฤดูหนาว)
ปราสาทอาโอบะ (Aoba Castle)
ปราสาทประจำเมืองเซนไดที่ตั้งตระหง่านบนยอดเขาอาโอบะ แม้ตัวปราสาทจะถูกทำลายไปแล้ว แต่ยังคงเหลือกำแพงหินและฐานรากที่แข็งแกร่ง จากทำเลที่ตั้งของปราสาทเดิมที่มีความสูงถึง 100 เมตร กลายมาเป็นจุดชมวิวบนยอดเขาที่สวยงาม เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้ชมทัศนียภาพอันงดงามของเมืองเซนไดแบบพาโนรามา 360 องศา โดยเฉพาะในฤดูใบไม้ผลิที่ดอกซากุระบานสะพรั่ง นอกจากนี้บริเวณใกล้เคียงยังมีพิพิธภัณฑ์อนุสรณ์ประวัติศาสตร์ของปราสาทอาโอบะ (Aoba Castle Museum) ตัวอาคารถูกสร้างให้มีรูปแบบคล้ายกับปราสาทในสมัยเอโดะ โดยสถานที่นี้เป็นพื้นที่จัดแสดงสิ่งของและประวัติต่าง ๆ เกี่ยวกับปราสาท
การเดินทาง : ขึ้นรถโดยสาร Loople Sendai bus จากสถานี Sendai Station ไปประมาณ 20 นาที ลงที่ป้ายรถเมล์หมายเลข 6
ค่าเข้าชม : 770 เยน (ค่าเข้าชมอาจมีการเปลี่ยนแปลง)
เวลาเปิด-ปิด : 9:00-17:00 น. (เวลาปิดอาจเร็วขึ้นในฤดูหนาว)
กินซังออนเซ็น (Ginzan Onsen)
หมู่บ้านน้ำพุร้อนเก่าแก่ที่มีเสน่ห์แบบย้อนยุค ด้วยอาคารไม้สไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิมสูง 3-4 ชั้น เรียงรายสองฝั่งแม่น้ำ บรรยากาศโรแมนติกยามค่ำคืนเมื่อโคมไฟแก๊สถูกจุดสว่างทำให้รู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปในยุคไทโช นักท่องเที่ยวสามารถพักในเรียวกังและแช่ออนเซ็นที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ไฮไลท์ที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดคือการใส่ชุดยูกาตะเดินเล่นริมแม่น้ำกินซัง พร้อมถ่ายรูปคู่กับอาคารและบ้านเรือนสไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิม
การเดินทาง : ขึ้นรถบัสด้านหน้าสถานี Oishida ไปลงป้าย Ginzan Onsen ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที
ค่าบริการ : เข้าอาบน้ำ เริ่มตั้งแต่ 300 – 1500 เยน
เวลาเปิด-ปิด : –
หุบเขานารุโกะ (Naruko Gorge)
หุบเขานารุโกะ เป็นหนึ่งในช่องเขาที่สวยงามที่สุดในภูมิภาคโทโฮคุ ตั้งอยู่ในจังหวัดมิยากิ อยู่ห่างจากเซนไดประมาณ 70 กิโลเมตร มีความยาวกว่า 2.5 กิโลเมตร โดดเด่นด้วยหน้าผาสูงชันและธรรมชาติที่งดงาม โดยเฉพาะในฤดูใบไม้เปลี่ยนสีประมาณปลายเดือนตุลาคมถึงต้นเดือนพฤศจิกายน ที่ทั้งหุบเขาจะถูกย้อมด้วยสีแดง , เหลือง และส้ม สร้างทัศนียภาพที่น่าประทับใจ มีจุดชมวิวหลายจุดให้นักท่องเที่ยวได้เก็บภาพความงาม
การเดินทาง : สามารถเดินไปยังหุบเขานารุโกะได้จากสถานีนากายามะไดระออนเซ็น ใช้เวลาประมาณ 30 นาที หรือใช้บริการแท็กซี่จากสถานี Naruko Onsen ใช้เวลาประมาณ 10 นาที
ค่าเข้าชม : –
เวลาเปิด-ปิด : –
ภูเขาซาโอะ (Mount Zao)
เทือกเขาซาโอะเป็นเทือกเขาที่มีพื้นที่กว้างขวาง โดดเด่นด้วยทะเลสาบปากปล่องภูเขาไฟโอคามะและเป็นที่ตั้งของหมู่บ้านจิ้งจอกซาโอะ รวมถึงพิพิธภัณฑ์ซาโอะ โคเคชิ ที่รวบรวมตุ๊กตาโคเคชิที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น
แต่ละฤดูกาลมีความสวยงามที่แตกต่างกัน ทั้งซากุระที่ฮิโตะเมะเซ็มบงในฤดูใบไม้ผลิ , ใบไม้เปลี่ยนสีตามเส้นทางซาโอะเอคโค่ไลน์ในฤดูใบไม้ร่วง และปีศาจหิมะ (Snow Monster) ในฤดูหนาว .. สำหรับการเที่ยวชมปีศาจหิมะ ต้องใช้บริการกระเช้าไฟฟ้าซะโอ (Zao Ropeway) ซึ่งใช้เวลาถึงยอดเขาประมาณ 30 นาที
การเดินทาง : จากเซนไดขึ้นรถไฟสาย JR Senzan ไปยังยามากาตะ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาที แล้วต่อด้วยรถบัสไปยังภูเขาซาโอะ หรือสถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ
ค่าเข้าชม : –
เวลาเปิด-ปิด : –
ซาโอะหมู่บ้านจิ้งจอก (Zao Fox Village)
เป็นสถานที่ที่คุณจะได้พบกับจิ้งจอกมากกว่า 100 ตัว จาก 6 สายพันธุ์ ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่มีความคุ้นชินกับมนุษย์ สุนัขจิ้งจอกของที่นี่อาศัยอยู่อย่างอิสระในพื้นที่กว้าง สามารถถ่ายรูปและให้อาหารจิ้งจอกได้ ที่นี่ยังมีการจัดแสดงสายพันธุ์จิ้งจอกที่หายากให้นักท่องเที่ยวเข้าชม นับเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่และน่าประทับใจ
การเดินทาง : จากสถานี Sendai นั่งรถไฟ JR มาลงที่สถานี Shiroishi-Zao Station จากนั้นนั่งแท็กซี่ต่อประมาณ 20 นาที
ค่าเข้าชม : 1,500 เยน (ค่าเข้าชมอาจมีการเปลี่ยนแปลง)
เวลาเปิด-ปิด : 9:00-16:30 น. (เวลาปิดอาจเร็วขึ้นในฤดูหนาว)
เซนได ไดแคนนอน (Sendai Daikannon)
รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมที่สูงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ด้วยความสูง 100 เมตร ภายในมีการจัดแสดง แม่ทัพสิบสองสวรรค์, พระพุทธรูป 108 องค์ และรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมทั้ง 33 ปาง เมื่อขึ้นไปชั้นบนสุดสามารถชมวิวเมืองเซนไดได้แบบ 360 องศา
การเดินทาง : จากสถานี Sendai ขึ้นรถบัสมาลงที่สถานี Nakayamayoshinari ประตู 1
ค่าเข้าชม : 500 เยน (ค่าเข้าชมอาจมีการเปลี่ยนแปลง)
เวลาเปิด-ปิด : 10:00-16:00 น. (เวลาปิดอาจเร็วขึ้นในฤดูหนาว)
บุงกะ โยโคโช (Bunka Yokocho)
ตรอกเล็กๆ ที่อบอวลไปด้วยกลิ่นอายของยุคไทโช บุงกะ โยโคโช คือ ย่านกินดื่มที่เต็มไปด้วยร้านอาหารและบาร์สไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิมมากกว่า 50 แห่ง เป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับการสัมผัสวัฒนธรรมการกินดื่มแบบญี่ปุ่น บรรยากาศยามค่ำคืนคึกคัก ตรอกถูกประดับไปด้วยแสงไฟนีออนและกลิ่นหอม ๆ ของอาหารญี่ปุ่น โดยเฉพาะอาหารที่ขึ้นชื่อของเมืองนี้ก็คือ ‘ลิ้นวัวย่าง’ หากได้ลองลิ้มรสสักครั้ง จะรู้ได้ถึงความอร่อยที่ยากจะหาที่ใดเทียบ
การเดินทาง : เดินประมาณ 1 นาทีจากสถานีรถไฟใต้ดิน Aobadori Ichibancho
ค่าเข้าชม : –
เวลาเปิด-ปิด : 18:00-00:00 น.
สวนสาธารณะฟุนาโอกะ โจชิ (Funaoka Joshi Park)
สวนสาธารณะที่มีชื่อเสียงด้านจุดชมดอกซากุระและใบไม้เปลี่ยนสี โดยในช่วงที่ดอกซากุระเบ่งบาน สวนสาธารณะฟุนาโอกะ โจชิ จะถูกปกคลุมไปด้วยสีชมพูของดอกซากุระทั้งหมด ไฮไลท์ของที่นี่คือมีรถรางเก่าแก่ที่จะนำพานักท่องเที่ยวขึ้นไปชมวิวบนยอดเขา ที่นี่มีสวนดอกไม้ที่สวยงามให้ชมตลอดทั้งปี
การเดินทาง : ใช้เวลาในการเดินประมาณ 10 นาที จากสถานี Funaoka Station
ค่าเข้าชม : –
เวลาเปิด-ปิด : –
ถนนคลิสโรด (Clis Road Shopping Street)
ย่านช้อปปิ้งที่คึกคักที่สุดของเซนได เต็มไปด้วยร้านค้า , ร้านอาหาร และศูนย์การค้าทันสมัย เป็นจุดนัดพบยอดนิยมของวัยรุ่นและนักช้อป มีสินค้าหลากหลายประเภทให้เลือกซื้อ ถนนคลิสโรด อยู่ใกล้กับสถานีรถไฟเซนได และสถานีรถไฟใต้ดินโอบะ โดริ ไอชิบันโช พื้นที่กว้างขวาง ให้มีร้านค้า ร้านอาหารอยู่เป็นจำนวนมาก อาทิ ร้านคาเฟ่ชื่อดังอย่าง ‘คาเฟ่นกฮูกฟุคุโระ’ ซึ่งมีนกฮูกน่ารัก ๆ ที่ถูกเลี้ยงให้เชื่องอยู่หลายสายพันธุ์
การเดินทาง : เดินเท้าจากสถานีรถไฟเซนได ทางออกด้านตะวันตก ใช้เวลาประมาณ 10 – 15 นาที
ค่าเข้าชม : –
เวลาเปิด-ปิด : 09:00 – 20:00 น.
สถานที่ท่องเที่ยวทั้ง 10 แห่งนี้แสดงให้เห็นถึงความหลากหลายของญี่ปุ่น ทั้งด้านประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ธรรมชาติ และความทันสมัย การได้ไปเยือนสถานที่เหล่านี้จะทำให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์ที่ครบครันของญี่ปุ่น ตั้งแต่ความสงบของวัดวาอาราม ความงดงามของธรรมชาติในแต่ละฤดูกาล ไปจนถึงความมีชีวิตชีวาของย่านช้อปปิ้งสมัยใหม่ แนะนำให้วางแผนการเดินทางให้ครอบคลุมสถานที่เหล่านี้เพื่อประสบการณ์การท่องเที่ยวที่สมบูรณ์แบบ
ถ้าคิดถึงเรื่องประกัน TPIS ตรีเพชรอินชัวรันส์ โบรกเกอร์ประกันภัย เป็นที่ปรึกษาด้านประกันภัยรถยนต์ ประกันการเดินทาง และประกันด้านสุขภาพ