10 เทคนิคจัดการการเงินส่วนตัวให้มีเงินเก็บมากขึ้นในปี 2025

หนึ่งในลิสต์เป้าหมายชีวิตยอดฮิตช่วงปีใหม่คือเรื่อง ‘เงินเก็บ’ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วต่างต้องการเก็บเงินออมให้ได้สักก้อนเพื่อใช้เป็นทุนรอนสำหรับความฝันในอนาคต หากเคยตั้งใจเก็บเงินออมแล้วไม่ประสบความสำเร็จ ลองใช้วิธีจัดการและวางแผนการเงินส่วนตัวด้วย 10 เทคนิคนี้ รับรองว่ากว่าจะถึงสิ้นปี ในบัญชีมีเงินเก็บเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
1. ตั้งเป้าหมายการเงินที่ชัดเจนและเป็นไปได้
การตั้งเป้าหมายการเงินอย่างชัดเจนจะเป็นเครื่องมือสำคัญประการแรกที่สามารถช่วยนำทาง และสร้างแรงบันดาลใจให้การเก็บเงินประสบความสำเร็จได้ตามความตั้งใจ โดยเป้าหมายนั้นต้องอยู่บนพื้นฐานของความเป็นไปได้ด้วย เริ่มจากลิสต์เป้าหมายทางการเงินที่ต้องการทั้งเป้าหมายระยะสั้น และเป้าหมายระยะยาว จากนั้นเรียงลำดับความสำคัญของเป้าหมายต่าง ๆ ที่วางไว้เพื่อกำหนดระยะเวลาในการเก็บเงิน อาทิ เป้าหมายระยะสั้น เช่น เก็บเงินหลักหมื่นในระยะเวลา 3 เดือน เพื่อเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ , เก็บเงินดาวน์รถให้ได้ในระยะเวลา 6 เดือน เป็นต้น ส่วนเป้าหมายระยาว เช่น มีเงินเก็บ 1 ล้านบาทในระยะเวลา 7 ปี หรือ เก็บเงินดาวน์บ้านให้ได้ในระยะเวลา 5 ปี เป็นต้น
2. ตั้งงบรายเดือน และติดตามค่าใช้จ่าย
ทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายเพื่อประเมินสภาวะการเงินในแต่ละเดือน ซึ่งการทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายทุกเดือนนั้นช่วยให้มองเห็นภาพรวมทางการเงินได้อย่างชัดเจนจึงสามารถวางแผนบริหารการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ควรทำบัญชีแยกรายจ่ายที่จำเป็นและไม่จำเป็นออกจากกัน จากนั้นพยายามตัดหรือลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออก ขณะเดียวกันควรกำหนดงบประมาณรายจ่ายที่จำเป็นต้องใช้ในแต่ละเดือนแล้วพยายามใช้จ่ายตามงบที่วางไว้ วิธีนี้นอกจากช่วยสร้างวินัยทางการเงินที่ดีแล้วยังช่วยให้มีเงินเหลือเก็บมากขึ้นด้วย โดยการบันทึกข้อมูลค่าใช้จ่ายจะช่วยให้ทราบว่าในแต่ละเดือนใช้เงินไปเท่าไร เป็นการจ่ายที่จำเป็นหรือไม่ มีส่วนไหนที่สามารถลด – ละ – เลิกพฤติกรรมความฟุ่มเฟือยลงได้อีกบ้าง ส่วนของงบประมาณรายจ่ายที่ตั้งไว้นั้นสามารถยืดหยุ่นได้ตามความเหมาะสม เช่น หากต้องทำงานนอกสถานที่บ่อยครั้ง ก็ต้องเข้าใจว่าค่าเดินทางก็ต้องเพิ่มขึ้น เป็นต้น แต่ก็ต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของค่าใช้จ่ายจำเป็นเท่านั้น
ปัจจุบันมีโปรแกรมและแอปพลิเคชันการทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายให้เลือกใช้มากมายซึ่งสามารถนำข้อมูลค่าใช้จ่ายที่บันทึกไว้มาประมวลผลเป็นกราฟหรือรายงานที่เข้าใจได้ง่าย สะดวกต่อการติดตามค่าใช้จ่ายย้อนหลัง
3. ใช้กฎ 50/30/20 ในการจัดสรรรายได้

หนึ่งในการวางแผนบริหารการเงินให้มีประสิทธิภาพ และสามารถบรรลุเป้าหมายทางการเงินได้ในอนาคต นั่นคือการแบ่งเงินรายได้ออกเป็นสัดส่วนตามสูตร 50-30-20 โดย
4. ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น
สำหรับคนที่ตั้งใจอยากมีเงินเก็บแต่ยังติดนิสัยใช้จ่ายฟุ่มเฟือยจนแทบไม่มีเงินเหลือคงต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น โดย
5. สร้างกองทุนสำรองฉุกเฉิน
กองทุนสำรองฉุกเฉินเป็นเงินออมที่เก็บไว้สำหรับเหตุการณ์ไม่คาดคิดซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ในชีวิตตลอดเวลา เช่น ได้รับอุบัติเหตุ , เจ็บไข้ได้ป่วยจนต้องเข้าโรงพยาบาล , ตกงาน , ซ่อมรถ , ซ่อมบ้าน เป็นต้น เมื่อเกิดเหตุวิกฤติขึ้นก็สามารถใช้เงินในส่วนนี้จัดการกับปัญหาต่าง ๆ ได้โดยโดยไม่กระทบต่อเงินเก็บหรือค่าใช้จ่ายประจำวัน ส่วนใหญ่แล้วเงินสำรองฉุกเฉินนี้ควรอยู่ที่ 6-10 เท่าของค่าใช้จ่ายประจำเดือน (สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสมของแต่ละบุคคล) และต้องเป็นเงินที่มีสภาพคล่องสูงสามารถนำมาใช้ได้ทันที ทั้งนี้กองทุนสำรองฉุกเฉินอาจอยู่ในรูปแบบของบัญชีเงินฝาก , กองทุนรวม , ประกันสุขภาพที่ให้ความคุ้มครองครอบคลุมทั้งชีวิต สุขภาพ และอุบัติเหตุ ก็ได้
6. ออมเงินก่อนใช้ด้วยระบบอัตโนมัติ
สำหรับคนที่เก็บเงินไม่ค่อยอยู่หรือมักจะหลงลืมการนำเงินออมเข้าไปฝากในบัญชีเงินเก็บจนเผลอนำมาใช้จ่ายทำให้เก็บเงินไม่ได้เสียที ปัญหานี้จัดการได้ง่ายด้วยการตั้งหักบัญชีเงินฝากอัตโนมัติทุกต้นเดือน ซึ่งเมื่อเงินเดือนเข้าบัญชีหลักแล้วระบบจะโอนเงินตามจำนวนที่ระบุไว้เข้าบัญชีเงินเก็บโดยอัตโนมัติทันที วิธีนี้สะดวก ช่วยให้ไม่เผลอนำเงินไปใช้ เหมาะกับไลฟ์สไตล์ปัจจุบัน เมื่อมีเงินโอนไหลเข้าบัญชีเงินเก็บเป็นประจำสม่ำเสมอทุกเดือน พอถึงสิ้นปีก็กลายเงินก้อนใหญ่เก็บไว้ในบัญชีเงินฝาก ทั้งนี้จำนวนเงินที่ตั้งโอนอัตโนมัตินั้นควรอยู่ที่ 5-10% ของรายได้ หรือหากมีเป้าหมายยอดเงินเก็บที่ต้องการอยู่แล้วให้นำมากับคำนวณระยะเวลาที่ต้องการออมก็ได้
7. ลงทุนในสินทรัพย์ที่ช่วยสร้างรายได้ระยะยาว

เพิ่มความมั่นคงทางการเงินในอนาคตด้วยการลงทุนในสินทรัพย์ที่สามารถสร้างผลตอบแทนในระยะยาว เช่น หุ้น , กองทุนรวม , ตราสารหนี้ , อสังหาริมทรัพย์ และสินทรัพย์ทางเลือกอื่น ๆ อาทิ ทองคำ , พลังงานหมุนเวียน , สินทรัพย์ดิจิตอล เป็นต้น ทั้งนี้เป้าหมายของการลงทุนระยะยาวก็เพื่อหวังผลตอบแทนที่ดีและต้องการให้มีเงินเก็บไว้ใช้หลังเกษียณนั่นเอง สำหรับการลงทุนระยะยาวที่มีแนวโน้มการเติบโตดี มีความผันผวนไม่มาก และกำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบัน ได้แก่ การลงทุนในกองทุน SSF และ RMF , การออมทอง , ประกันสะสมทรัพย์ , สลากออมทรัพย์ , การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ และสินทรัพย์ดิจิทัล เช่น NFT ( Non-Fungible Token ) เป็นต้น เนื่องจากทุกการลงทุนมีความเสี่ยงดังนั้นจึงควรศึกษาข้อมูลให้เข้าใจก่อนตัดสินใจลงทุน
8. หลีกเลี่ยงการก่อหนี้ที่ไม่จำเป็น
อุปสรรคสำคัญประการหนึ่งในการเก็บออมเงิน นั่นคือหนี้อันเกิดจากค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นซึ่งส่วนใหญ่แล้วมักจะเป็นหนี้ที่เกิดจากการใช้จ่ายเกินตัวหรือการใช้จ่ายเพื่อความสะดวกสบายและไม่ก่อให้เกิดรายได้ในอนาคต ดังนั้นหากต้องการมีเงินเก็บควรหลีกเลี่ยงการก่อหนี้ที่ไม่จำเป็นโดยก่อนซื้อทุกครั้งควรพิจารณาว่าสิ่งนั้นจำเป็นในชีวิตหรือไม่ ราคาสูงเกินกำลังหรือไม่ สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนดหรือไม่ พึงตระหนักไว้เสมอว่าไม่ควรสร้างหนี้เกิน 30% – 40% ของรายได้
9. ใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษี และประโยชน์จากกองทุน
หน้าที่สำคัญของผู้มีรายได้นั่นคือการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หากมีรายได้มากก็ย่อมต้องจ่ายภาษีมากเป็นธรรมดาซึ่งบางครั้งอาจกระทบต่อเงินออมที่เก็บมาตลอดทั้งปี ดังนั้นจึงควรวาง แผนลดหย่อนภาษีด้วยการซื้อกรมธรรม์ประกันสุขภาพตลอดจนการลงทุนในกองทุนต่างๆ ซึ่งนอกจากนำมาใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีได้แล้วยังช่วยให้เงินงอกเงยขึ้นจากการลงทุนด้วย อย่างไรก็ตามควรศึกษารายละเอียดการลงทุนทุกครั้งก่อนตัดสินใจเพื่อให้เกิดความคุ้มค่ามากที่สุด และอยู่ในเกณฑ์ความเสี่ยงที่รับได้
10. เพิ่มความรู้ด้านการเงินผ่านการอ่านและเรียนคอร์ส
เรื่องเงินเป็นเรื่องใกล้ตัวที่ไม่ควรมองข้าม หากต้องการบรรลุเป้าหมายทางการเงินควรหมั่นเพิ่มทักษะความรู้ทั้งเรื่องการเงินและการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งปัจจุบันสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลได้ง่าย ทั้งยังมีคอร์สออนไลน์ให้เรียนฟรีมากมาย เช่น การวางแผนการเงินหลังเกษียณ , การวางแผนการเงินอย่างเป็นระบบ , การเรียนรู้พื้นฐานการลงทุน , การวางแผนจัดการด้านภาษี , การจัดการหนี้ , การใช้งานโปรแกรมบัญชีออนไลน์ , เคล็ดลับวางแผนทางการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นต้น ซึ่งการพัฒนาทักษะความรู้จนเกิดความเข้าใจด้านการการเงินที่ดีจะช่วยให้สามารถนำไปใช้วางแผนบริหารการเงินให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้
ไม่ว่าเงินเดือนจะมากหรือน้อยก็สามารถมีเงินเก็บได้ตามเป้าหมายที่ต้องการหากรู้จักวางแผนบริหารการเงินอย่างมีประสิทธิภาพภายใต้เครื่องมือสำคัญนั่นคือวินัยทางการเงินที่ดี
ถ้าคิดถึงเรื่องประกัน TPIS ตรีเพชรอินชัวรันส์ โบรกเกอร์ประกันภัย เป็นที่ปรึกษาด้านประกันภัยรถยนต์ ประกันการเดินทาง และประกันด้านสุขภาพ