15 ข้อดีและข้อเสียของรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ มาเช็กกันเลย

15 ข้อดีและข้อเสียของรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ มาเช็กกันเลย

ในปัจจุบันทางเลือกในการซื้อรถยนต์มีมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ใช้น้ำมันแบบดั้งเดิม รถยนต์ไฮบริดที่ผสมผสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์ที่ยังใช้น้ำมันกับมอเตอร์ไฟฟ้า หรือรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ไฟฟ้า 100% แน่นอนว่ารถยนต์แต่ละประเภทมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน

แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมารถยนต์ไฟฟ้าได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังจะเห็นยอดขายในงานมอเตอร์โชว์และมอเตอร์เอ็กซ์โปร ที่ยอดรถไฟฟ้ามักจะติดอันดับ 1 ใน 5 Top Sale ยอดจองรถอยู่เสมอ เหตุที่เป็นเช่นนี้อาจจะเนื่องจากรถไฟฟ้าได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ อีกทั้งมีการแข่งขันด้านราคาอย่างรุนแรงซึ่งส่งผลให้ราคารถยนต์ไฟฟ้าถูกลง ตลอดจนการพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่ที่สามารถช่วยให้ขับขี่ได้ในระยะทางที่ไกลขึ้น รวมถึงเทรนด์รักษ์โลกที่คนส่วนใหญ่ให้ความใส่ใจเรื่องการลดมลภาวะเป็นพิษ วันนี้จะพาไปทำความรู้จักกับรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ พร้อมเช็กข้อดีและข้อเสียเพื่อเป็นข้อมูลก่อนตัดสินใจซื้อ

รถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่คืออะไร

รถ EV (Electric Vehicle) หรือรถยนต์ไฟฟ้า คือรถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% โดยใช้พลังงานจากแบตเตอรี่แทนการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงแบบรถยนต์ทั่วไป รถ EV จะไม่มีเครื่องยนต์สันดาปภายใน แต่จะใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก รถประเภทนี้จึงเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากไม่มีการปล่อยมลพิษทางอากาศขณะขับเคลื่อน

รถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่คืออะไร

หลักการทำงานของรถ EV

รถยนต์ไฟฟ้าทำงานโดยใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ที่เก็บไว้ในตัวรถ พลังงานนี้จะถูกส่งไปยังมอเตอร์ไฟฟ้าเพื่อขับเคลื่อนล้อรถ โดยมีขั้นตอนการทำงานดังนี้

  • แบตเตอรี่ เป็นแหล่งเก็บพลังงานหลักของรถ EV โดยแบตเตอรี่จะถูกชาร์จไฟจากแหล่งพลังงานภายนอก เช่น สถานีชาร์จ หรือเครื่องชาร์จที่บ้าน
  • อินเวอร์เตอร์ จะทำหน้าที่เป็นตัวแปลงกระแสไฟฟ้า จากไฟฟ้ากระแสตรง (DC) แบตเตอรี่ไปเป็นไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) เพื่อให้มอเตอร์ไฟฟ้าทำงาน
  • มอเตอร์ไฟฟ้า ทำหน้าที่เป็นตัวขับเคลื่อนล้อรถ โดยแปลงพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานกล
  • ระบบควบคุม ระบบควบคุมมีเพื่อควบคุมการทำงานของมอเตอร์และระบบอื่นๆ ในรถ เช่น ความเร็ว , ระบบไฟฟ้าในรถ เป็นต้น

สิ่งที่แตกต่างของรถ EV แต่ละรุ่น

รถ EV แต่ละรุ่นแม้จะขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า แต่ก็จะมีความแตกต่างกันในหลายด้าน ซึ่งส่งผลต่อประสิทธิภาพและการใช้งาน

  • ระยะทางต่อการชาร์จ (Range) รถ EV แต่ละรุ่นมีความจุแบตเตอรี่ที่แตกต่างกัน ทำให้ระยะทางที่ขับได้ต่อการชาร์จหนึ่งครั้งแตกต่างกัน โดยทั่วไปอยู่ที่ 200-600 กิโลเมตร
  • ความเร็วสูงสุดและอัตราเร่ง รถ EV บางรุ่นเน้นความเร็วสูงและอัตราเร่งดี ในขณะที่บางรุ่นเน้นการประหยัดพลังงาน
  • ขนาดและน้ำหนัก รถ EV มีทั้งแบบขนาดเล็กสำหรับใช้ในเมือง และแบบขนาดใหญ่สำหรับครอบครัว
  • เทคโนโลยีและฟีเจอร์ เช่น ระบบช่วยขับขี่อัตโนมัติ , หน้าจอสัมผัส , ระบบเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน

15 ข้อดีของรถยนต์ไฟฟ้า ที่ช่วยให้การขับขี่สะดวกขึ้น

เมื่อรู้จักและเข้าใจหลักการทำงานของรถไฟฟ้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ลำดับต่อไปจะพาไปรู้จักกับข้อดีของรถยนต์ไฟฟ้ากันว่าช่วยให้การขับขี่ในชีวิตประจำวันสะดวกสบายมากน้อยเพียงใด

  • 1. ประหยัดพลังงาน เป็นที่รู้กันดีว่ารถไฟฟ้าใช้พลังงานจากไฟฟ้าแทนน้ำมัน ช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาเมื่อเทียบกับรถใช้น้ำมัน
  • 2. ช่วยลดมลพิษทางอากาศและเสียง เนื่องจากรถไฟฟ้าไม่มีเครื่องยนต์ในการสันดาป ทำให้ไม่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ด้านการทำงานของมอเตอร์จะเงียบมากหรือแทบจะไม่มีเสียงเลย
  • 3. ค่าบำรุงรักษาต่ำ เพราะไม่มีเครื่องยนต์สันดาป จึงช่วยให้ลดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับน้ำมันเครื่อง ไส้กรองและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
  • 4. อัตราเร่งดีเยี่ยม การทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้าจะแตกต่างกับเครื่องยนต์ โดยเฉพาะอัตราเร่งที่มอเตอร์ไฟฟ้าไม่ต้องรอรอบเครื่อง สามารถที่จะเร่งความเร็วได้ในทันที หากแต่เครื่องยนต์สันดาปจำเป็นที่จะต้องรอรอบเครื่อง เนื่องด้วยเหตุนี้รถไฟฟ้าจึงเร่งแซงได้ง่าย
  • 5. เสียงเงียบ ลดเสียงรบกวนขณะขับขี่ได้
  • 6. มีเทคโนโลยีล้ำสมัย เนื่องจากทั้งหมดของตัวรถทำงานด้วยระบบไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์จึงรองรับระบบขับขี่อัตโนมัติ (AUTOPILOT)และการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน
  • 7. ลดความผันผวนของราคาน้ำมัน ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับความผันผวนของราคาน้ำมันจะขึ้นหรือจะลง
  • 8. สามารถชาร์จที่บ้านได้ สะดวกกว่าการไปปั๊มน้ำมัน
  • 9. ได้รับสิทธิประโยชน์จากภาครัฐ เช่น การลดภาษี , เงินอุดหนุนในการซื้อ
  • 10. เหมาะกับการใช้งานในเมือง ช่วยลดปัญหามลพิษทางอากาศในเขตเมือง
  • 11. การออกแบบภายในห้องโดยสารที่กว้างขึ้น เนื่องจากไม่มีเครื่องยนต์ขนาดใหญ่
  • 12. มีโหมดการขับขี่หลายโหมด ช่วยเพิ่มประสบการณ์การขับขี่
  • 13. ปลอดภัยจากการรั่วไหลของน้ำมัน ไม่มีถังน้ำมัน ช่วยลดความเสี่ยงจากเพลิงไหม้
  • 14. แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ช่วยให้แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน
  • 15. ราคามีแนวโน้มที่จะถูกลง เพราะมีการแข่งขันสูง ส่งผลดีต่อผู้บริโภคประหยัดเงินในกระเป๋าได้

15 ข้อเสียของรถยนต์ไฟฟ้า ที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจซื้อ

15 ข้อเสียของรถยนต์ไฟฟ้า ที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจซื้อ

หลังจากดูข้อดีของรถไฟฟ้าผ่านไปแล้ว ลำดับต่อไปลองมาดูข้อเสียกันว่ามีอะไรบ้าง

  • 1. ราคารถอาจสูงกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมัน แม้ว่าราคาปัจจุบันจะถูกลง แต่ก็ยังถือว่าแพงกว่ารถยนต์ทั่วไป
  • 2. ระยะทางขับขี่จำกัด ยังต้องพิจารณาระยะทางต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง
  • 3. ระยะเวลาการชาร์จนาน แม้ปัจจุบันจะมีการชาร์จเร็ว แต่ก็ยังใช้เวลานานกว่าการเติมน้ำมัน
  • 4. สถานีชาร์จยังไม่ทั่วถึง หรือบางแห่งมีที่ชาร์จแต่มีอยู่ในปริมาณที่จำกัด โดยเฉพาะในต่างจังหวัด
  • 5. ค่าติดตั้งที่ชาร์จในบ้านสูง ต้องลงทุนเพิ่มเติมหากต้องการชาร์จที่บ้าน
  • 6. อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ เมื่อแบตเตอรี่เสื่อมต้องเปลี่ยนใหม่ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูง
  • 7. ประสิทธิภาพลดลงในอากาศเย็นจัด แบตเตอรี่ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพในสภาพอากาศหนาว
  • 8. น้ำหนักรถมากขึ้น แบตเตอรี่มีน้ำหนักมากกว่าถังน้ำมัน
  • 9. มูลค่าขายต่อลดลงเร็ว เทคโนโลยีพัฒนาเร็ว ทำให้รุ่นเก่าตกรุ่นเร็ว
  • 10. อาจเสี่ยงต่อการคืนทุน หากรถประสบอุบัติเหตุ โดยเฉพาะหากทำให้บริเวณที่ติดตั้งแบตเตอรี่เสียหาย
  • 11. ค่าซ่อมแซมบางรายการสูง เช่น การเปลี่ยนแบตเตอรี่ , การซ่อมระบบไฟฟ้า
  • 12. การเดินทางไกลอาจไม่สะดวกหากไม่มีสถานีชาร์จระหว่างทาง
  • 13. ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการขับขี่ เพราะต้องวางแผนล่วงหน้าในการเดินทาง โดยเฉพาะหากคิดเดินทางไกลออกต่างจังหวัด
  • 14. ถนนในเมืองไทยบางพื้นที่อาจไม่เหมาะกับการขับขี่รถไฟฟ้า เป็นที่รู้กันดีว่าถนนในประเทศไทยไม่ราบเรียบตลอดเส้นทาง มีการซ่อมแซมและสร้างถนนอยู่เป็นประจำ ผิวจราจรขรุขระอาจทำให้แบตเตอรี่ที่ติดตั้งบริเวณใต้ท้องรถได้รับความเสียหาย
  • 15. ช่างภายนอกมีจำกัด ด้วยระบบรถยังใหม่และภายในทั้งหมดเป็นระบบไฟฟ้า ทำให้ช่างภายนอกมีอยู่อย่างจำกัดหรือแทบไม่มีเลย ทำให้เวลารถมีปัญหาต้องเข้าที่ศูนย์บริการอย่างเดียว

รถยนต์ไฟฟ้าเหมาะกับใครบ้าง

ถึงแม้รถไฟฟ้าจะมีข้อดีอยู่มาก แต่รู้หรือไม่ว่ารถไฟฟ้าไม่เหมาะกับคนทุกคน จะด้วยสาเหตุใดลองไปดูกันว่าทำไม

  • ไม่ใช่ทุกคนที่อาศัยอยู่บ้าน แม้รถไฟฟ้าจะเหมาะกับการใช้งานในเมือง เพราะช่วยลดมลพิษ ประหยัดพลังงาน แต่ไม่เหมาะกับคนที่อาศัยอยู่ในคอนโดมิเนียม หอพัก หรือห้องเช่า เพราะที่พักอาศัยเหล่านี้มักจะมีที่จอดไม่เกิน 70% ของห้องเช่า อีกทั้งห้องเช่าบางแห่งไม่สามารถกำหนดที่จอดตายตัวได้ ทำให้ไม่สามารถติดตั้งที่ชาร์จส่วนตัวได้ หรือหากคอนโดมิเนียมมีที่ชาร์จบริการแต่ก็ไม่เพียงพอให้กับรถทุกคัน
  • คนที่เดินทางออกต่างจังหวัดบ่อย ๆ รถไฟฟ้าอาจไม่เหมาะกับคนเหล่านี้ เพราะในบางพื้นที่อาจมีที่ชาร์จอยู่อย่างจำกัด การเดินทางออกต่างจังหวัดโดยปราศจากการวางแผนเรื่องการหาพลังงานอาจทำให้ได้รับผลกระทบเมื่อแบตเตอรี่หมดกลางทาง
  • ไม่เหมาะกับคนใจร้อน โดยเฉพาะเมื่อต้องใช้เวลาในการชาร์จไฟรถนาน ๆ หรือเดินทางในช่วงเทศกาลวันหยุดแล้วจำเป็นต้องต่อคิวในการชาร์จรถไฟฟ้านาน ๆ เพราะที่ชาร์จมีอยู่อย่างจำกัด
  • ไม่เหมาะกับคนที่มีไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันในแต่ละวัน หากคุณมีพฤติกรรมเช้าไปทำงาน เย็นเดินทางกลับบ้านแล้วชาร์จแบตเตอรี่ในทันที หรืออาจมีแวะซื้อของระหว่างทางกลับนิดหน่อยพฤติกรรมแบบนี้เหมาะกับการใช้รถไฟฟ้า แต่ถ้ามีไปที่อื่นนอกเหนือเส้นทางไกล ๆ ก่อนค่อยกลับบ้าน พฤติกรรมแบบนี้อาจไม่เหมาะกับการใช้รถไฟฟ้า เพราะอย่าลืมว่าต้องกลับมาชาร์จไฟฟ้าให้รถทุกครั้ง หากมีเวลาชาร์จน้อยอาจทำให้ไฟไม่พอต่อการใช้งานในทริปถัดไปได้

รถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับอนาคต ด้วยข้อดีที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน ลดมลพิษและเพิ่มประสบการณ์การขับขี่ที่เงียบและทันสมัย อย่างไรก็ตามยังคงมีข้อจำกัดบางอย่างที่ควรพิจารณา เช่น ราคาที่สูงกว่า ระยะทางที่จำกัด และสถานีชาร์จที่ยังไม่ครอบคลุม การตัดสินใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้าจึงควรพิจารณาทั้งข้อดีและข้อเสียเพื่อให้เหมาะกับการใช้งานของคุณให้มากที่สุด

ถ้าคิดถึงเรื่องประกัน TPIS ตรีเพชรอินชัวรันส์ โบรกเกอร์ประกันภัย เป็นที่ปรึกษาด้านประกันภัยรถยนต์ ประกันการเดินทาง และประกันด้านสุขภาพ