ข้อดีและข้อเสียของรถยนต์ไฮบริด คุ้มค่ามั้ยที่จะซื้อ

รถยนต์ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญสำหรับหลายคน เพราะให้ความสะดวกสบายและรวดเร็วในการเดินทาง  ด้วยความก้าวหน้าของการพัฒนาเทคโนโลยีทำให้มีตัวเลือกในการซื้อรถยนต์เปลี่ยนไป เพราะการเกิดขึ้นของรถยนต์ไฟฟ้า 100% (EV) และรถยนต์ไฮบริด (Hybrid) ที่เข้ามาเป็นทางเลือกให้กับผู้ขับขี่ ซึ่งปัจจุบันทั้งรถ EV และรถไฮบริด กำลังได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้น จะเห็นได้จากยอดจองซื้อและจำนวนของรถทั้ง 2 ชนิดนี้สัญจรบนท้องถนนที่เพิ่มขึ้น  โดยในบทความนี้จะพาไปรู้จักรถยนต์ไฮบริดและสำรวจข้อดี-ข้อเสีย เพื่อช่วยให้คุณได้ตัดสินใจว่ารถยนต์ไฮบริดคุ้มค่าที่จะซื้อหรือไม่?

รถยนต์ไฮบริดคืออะไร ?

รถยนต์ไฮบริด (Hybrid Electric Vehicle – HEV) คือรถยนต์ที่ผสานการใช้พลังงานจากสองแหล่ง นั่นคือ เครื่องยนต์สันดาปภายในที่ใช้น้ำมัน และ มอเตอร์ไฟฟ้าที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ โดยระบบไฮบริดนี้ช่วยเสริมการทำงานของรถยนต์ในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ โดยเฉพาะในตอนที่รถใช้ความเร็วต่ำ ระบบจะใช้พลังงานไฟฟ้าเพื่อลดการใช้งานพลังงานเชื้อเพลิง เมื่อใช้ความเร็วสูงหรือเร่งแซง ระบบก็จะปรับใช้พลังงานจากน้ำมันเป็นหลัก การทำงานลักษณะนี้ช่วยให้ประหยัดน้ำมัน , ช่วยลดมลพิษ นอกจากนี้ยังสามารถเปลี่ยนพลังงานที่สูญเสียไปจากเครื่องยนต์มาเก็บเป็นพลังงานไฟฟ้าในแบตเตอรี่ได้ ซึ่งส่งผลให้รถยนต์ไฮบริดไม่ต้องชาร์จไฟจากแหล่งภายนอกเหมือนรถยนต์ EV

บทความแนะนำ: ฤกษ์ออกรถ 2568 ออกรถวันไหนดี? เลือกฤกษ์ดี ขับขี่ปลอดภัย

รถยนต์ไฮบริดมีกี่ประเภท

รถยนต์ไฮบริดที่มีการผสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงกับมอเตอร์ไฟฟ้า มีด้วยกัน 3 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่

  1. Full Hybrid (Parallel Hybrid) 

เป็นระบบขับเคลื่อนที่ทั้งเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าสามารถทำงานร่วมกันหรือแยกกันได้อย่างอิสระ ซึ่งเป็นรูปแบบที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน โดยทั่วไปแล้ว ระบบนี้จะมีตัวกำเนิดไฟฟ้าหรือมอเตอร์ไฟฟ้าภายในระบบส่งกำลัง ทำให้สามารถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวได้ อย่างไรก็ตามการใช้ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวมักจำกัดอยู่ที่ความเร็วต่ำหรือระยะทางสั้นๆ และเมื่อจำเป็น ระบบจะเปลี่ยนกลับมาใช้พลังงานจากเครื่องยนต์โดยอัตโนมัติ ตัวอย่างรถที่ใช้ระบบ Full Hybrid คือ Honda City e:HEV , Toyota Yaris Cross รุ่น HEV , Honda HR-V e:HEV เป็นต้น

2. Mild Hybrid (MHEV)

เป็นระบบที่เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าทำงานร่วมกัน แต่ไม่สามารถแยกการทำงานออกจากกันได้โดยสมบูรณ์ มอเตอร์ไฟฟ้าในระบบนี้มีขนาดเล็กและทำหน้าที่เสริมกำลังให้เครื่องยนต์เป็นหลัก ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้ ลดการใช้เชื้อเพลิง และช่วยให้ระบบ Start-Stop ทำงานได้ราบรื่นยิ่งขึ้น

3. Plug-in Hybrid (PHEV)

เป็นรถยนต์ไฮบริดที่สามารถชาร์จไฟจากแหล่งพลังงานภายนอก เช่น สถานีชาร์จ หรือปลั๊กไฟบ้านได้ สามารถใช้พลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวในระยะทางที่ไกลขึ้น ลดการพึ่งพาเครื่องยนต์สันดาปภายใน ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญสู่การเป็นรถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ รถยนต์ PHEV รุ่นใหม่ได้รับการพัฒนาให้มีแบตเตอรี่ที่สามารถเก็บพลังงานได้มากขึ้น ช่วยเพิ่มระยะทางการขับขี่ด้วยไฟฟ้าให้ยาวนานขึ้น ตัวอย่างรถที่ใช้ระบบ Plug-in Hybrid คือ Mitsubishi Outlander PHEV , BYD Sealion 6 DM-i, MG HS PHEV , Haval H6 PHEV เป็นต้น

15 ข้อดีของรถยนต์ไฮบริด ที่คุณควรรู้ก่อนตัดสินใจซื้อ

  1. ประหยัดน้ำมันมากขึ้น เพราะใช้พลังงานไฟฟ้าในบางช่วง ทำให้ช่วยลดการใช้น้ำมันลงได้ โดยเฉพาะในเมืองที่มีการจราจรติดขัด
  2. ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่ารถยนต์น้ำมันล้วน
  3. เครื่องยนต์ทำงานเงียบ เสียงเครื่องยนต์เบากว่ารถใช้น้ำมันล้วน ทำให้ลดมลพิษทางเสียงลงได้
  4. มีแรงบิดดี ออกตัวเร็ว ด้วยการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้าช่วยเสริมแรงขับเคลื่อน ช่วยให้การขับขี่ราบรื่น
  5. มีระบบ Regenerative Braking คือ ระบบเบรกแบบสร้างพลังงานกลับคืน เป็นเทคโนโลยีที่ช่วย เปลี่ยนพลังงานจากการเบรกกลับมาเป็นพลังงานไฟฟ้าแล้วนำไปเก็บในแบตเตอรี่ของรถยนต์ไฮบริดหรือรถยนต์ไฟฟ้า
  6. ขับขี่ได้ไกลกว่า รถ EV เนื่องจากรถยนต์ไฮบริดใช้พลังงานหลักคือ ‘น้ำมัน’ หมดกังวลเรื่องจุดจอดเพื่อชาร์จไฟ สามารถเติมน้ำมันและขับขี่ต่อไปได้เลย
  7. ดูแลรักษาง่ายกว่า รถ EV แบตเตอรี่ไฮบริดจะเป็นแบตเตอรี่สำหรับกักเก็บพลังงานสำหรับมอเตอร์ไฟฟ้าเท่านั้น ไม่เหมือนแบตเตอรี่ รถ EV ที่ใช้จ่ายไฟหล่อเลี้ยงให้ทั้งระบบ
  8. ต้นทุนการใช้พลังงานต่ำกว่ารถยนต์น้ำมันล้วน ช่วยประหยัดค่าน้ำมันได้ในระยะยาว
  9. แบตเตอรี่ไฮบริดมีราคาถูกกว่าแบตเตอรี่ รถ EV
  10. ขับขี่นุ่มนวลขึ้นด้วยกลไกลการเปลี่ยนแปลงระบบการทำงานจากระบบไฟฟ้าเป็นน้ำมัน และน้ำมันเป็นไฟฟ้า ช่วยลดอาการกระตุกของเครื่องยนต์ลงได้
  11. เทคโนโลยีทันสมัย รถยนต์ไฮบริดมักจะมาพร้อมระบบที่ทันสมัย
  12. ช่วยลดการสึกหล่อของเครื่องยนต์ เพราะมีระบบไฟฟ้าช่วยแบ่งเบาภาระ
  13. เหมาะสำหรับการขับขี่ในเมือง สามารถวิ่งด้วยไฟฟ้าในระยะสั้น ๆ ช่วยลดการใช้น้ำมัน
  14. บางประเทศมีสิทธิพิเศษด้านภาษี ลดภาระค่าใช้จ่ายเมื่อต้องซื้อรถใหม่
  15. เป็นทางเลือกที่ดีระหว่างรถยนต์น้ำมันและรถยนต์ไฟฟ้า ไม่ต้องพึ่งพาไฟฟ้า 100% แต่ยังช่วยลดค่าใช้จ่าย

รถยนต์ไฮบริดเหมาะกับใครบ้าง ?

ปัจจุบันมีผู้ผลิตรถยนต์หลายแบรนด์ที่หันมาพัฒนารถยนต์ไฮบริดนี้ ทำให้เกิดการแข่งขันในด้านของราคามากขึ้น ส่งผลให้ราคารถยนต์ไฮบริดถูกลงเมื่อเทียบกับราคาในอดีต รวมไปถึงราคาแบตเตอรี่ไฮบริดที่ลดลงและมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้นซึ่งเป็นผลพวงมาจากการพัฒนาเทคโนโลยีในการผลิต รถยนต์ไฮบริดจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับการซื้อรถใหม่ไว้ใช้งานในปัจจุบัน จะเหมาะสมกับใครบ้างไปดูกัน

  • รถยนต์ไฮบริดเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดการใช้น้ำมัน ซึ่งปัจจุบันน้ำมันมีราคาค่อนข้างสูง ทั้งยังช่วยลดการปล่อยมลพิษทางอากาศและเสียง
  • รถยนต์ไฮบริดเหมาะสำหรับผู้ที่ขับขี่ในเมือง หรือในระยะทางที่ไม่ไกลมากนัก เพราะจะช่วยลดการใช้น้ำมันอย่างเห็นได้ชัด
  • ผู้ที่ต้องการความเร็วสูง หรือต้องการใช้รถยนต์ในระยะทางไกล อาจไม่เหมาะกับรถยนต์ไฮบริด

รถยนต์ไฮบริดเป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดการใช้น้ำมันและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมโดยไม่ต้องกังวลเรื่องจุดชาร์จไฟฟ้า แต่ก็มีข้อเสีย เช่น ราคาแพง และค่าซ่อมที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับรถยนต์ใช้น้ำมัน หากคุณขับขี่ในเมืองบ่อย ๆ และมองหาทางเลือกที่ประหยัดจากรถใช้น้ำมัน รถยนต์ไฮบริดอาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม แต่ถ้าคุณขับทางไกลบ่อยหรือไม่อยากกังวลเรื่องค่าซ่อมที่แพงขึ้น อาจต้องพิจารณาทางเลือกอื่นให้รอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อ