รถสตาร์ทไม่ติดเกิดจากอะไร มีวิธีแก้ปัญหายังไงมาดูกัน
Key Takeaways:
- เหตุการณ์ไม่คาดฝันอย่างรถสตาร์ทไม่ติดคงไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น ยิ่งในช่วงเวลาเร่งรีบที่ต้องใช้งานรถ ซึ่งอาการนี้เกิดได้จากหลายสาเหตุ ทั้งอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่อาจจะเสีย เสื่อมสภาพตามอายุการใช้งาน หรือระบบบางอย่างทำงานผิดปกติ จนทำให้สตาร์ทเท่าไหร่ก็สตาร์ทไม่ติดนั่นเอง
- สำหรับคนใช้รถ ไม่ว่าจะใช้งานบ่อยหรือนาน ๆ ขับสักที ก็แนะนำว่าควรหมั่นตรวจเช็คสภาพรถตามระยะทางกับผู้เชี่ยวชาญอยู่เสมอ หากมีอุปกรณ์ใดเสียหรือควรเปลี่ยนใหม่ จะได้ทำการซ่อม แก้ไขได้ทันท่วงที รวมถึงไม่ควรจะปล่อยให้น้ำมันเหลือน้อยบ่อย ๆ จะเสี่ยงต่อเครื่องยนต์พังได้
เช้าวันทำงานแสนเร่งรีบ คงไม่ดีแน่ถ้าเกิดปัญหากวนใจคนใช้รถจนเสี่ยงไปทำงานสาย โดยเฉพาะถ้าจู่ ๆ รถคันโปรดเกิดสตาร์ทไม่ติดขึ้นมา วันนี้ TPIS เลยจะพามาดู 7 สาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้รถสตาร์ทไม่ติด เกิดจากอะไร แล้วจะแก้ได้ยังไงบ้าง ไปดูกันเลย
เปิด 7 สาเหตุรถสตาร์ทไม่ติดเกิดจากอะไร
1.เกิดปัญหาจากไดสตาร์ท หรือมอเตอร์สตาร์ทเสีย
“ไดสตาร์ทเสีย จึงสตาร์ทรถไม่ติด”
ถ้าจู่ ๆ บิดกุญแจรถแล้ว แต่สตาร์ทรถไม่ติด หรือสตาร์ทรถแล้วมีเสียงครืดคราดแปลก ๆ ดังออกมาจากห้องเครื่อง นี่อาจเป็นสัญญาณของไดสตาร์ท หรือมอเตอร์สตาร์ทรถยนต์เสีย ซึ่งเจ้านี่เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยแปลงพลังงานไฟฟ้าให้กลายเป็นพลังงานเครื่องกล ทำให้เครื่องยนต์ทำงานนั่นเอง การที่ไดสตาร์ทเกิดปัญหาเสื่อมสภาพอาจจะมาจาก
- การบิดกุญแจรถตอนสตาร์ทค้างไว้บ่อย ๆ จนทำให้มอเตอร์สตาร์ทไหม้
- เสื่อมสภาพตามระยะเวลาการใช้งาน
- สายไฟขาด หรือเสียหาย
- ขับรถลุยน้ำท่วม จนทำให้แปรงถ่านภายในเกิดสนิม
2.ไดชาร์จเสีย หรือเสื่อมสภาพ ระวังรถดับกลางทาง
“ถ้าไดชาร์จเสีย ขับ ๆ ไปเครื่องยนต์อาจจะดับได้”
ไดชาร์จเป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ปั่นกระแสไฟฟ้าเข้าไปเก็บไว้ในแบตเตอรี่และส่งต่อไปยังส่วนต่าง ๆ ของเครื่องยนต์ หากสตาร์ทเท่าไหร่รถก็สตาร์ทไม่ติด แถมแอร์ไม่เย็น หรือขับ ๆ รถไป จู่ ๆ เครื่องยนต์ก็ดับ โดยที่แบตเตอรี่ก็เพิ่งเปลี่ยนมาใหม่ นี่อาจเป็นสัญญาณความผิดปกติของไดชาร์จแน่ ๆ การที่ไดชาร์จเสียอาจเกิดจาก
- ขาดการตรวจเช็คสภาพรถยนต์ตามระยะที่กำหนด จนเกิดความเสียหาย
- สายไฟที่เชื่อมต่อไดชาร์จหลุด
- แปรงถ่านในไดชาร์จหมด
3.แบตเตอรี่เสื่อมสภาพ เพราะลืมเปลี่ยน
“ไมไ่ด้เปลี่ยนแบตตามเวลา รถอาจสตาร์ทไม่ติด”
บ้านไหนมีรถหลายคัน ก็มักจะมีคันที่จอดไว้นาน ๆ ไม่ได้ขับเลย พอเวลาจะใช้งานสักที รถสตาร์ทไม่ติดซะอย่างนั้น แนะนำให้สังเกตที่หน้าปัดรถว่าไฟที่แสดงพลังงานแบตเตอรี่ขึ้นหรือไม่ เพราะนี่อาจจะเกิดจากแบตเตอรี่รถยนต์เสื่อมก็เป็นได้ โดยปกติแล้วแบตเตอรี่นั้นจะมีอายุประมาณ 2 ปี ใครเป็นสายใช้งานรถบ่อย ๆ ก็อาจจะมีอายุการใช้งานน้อยกว่านั้น ถ้าหากลืมหรือไม่ได้เปลี่ยนแบตตามระยะเวลา อาจจะทำให้เกิดอาการสตาร์ทรถไม่ติดได้นั่นเอง
4.ระบบไฟฟ้าของรถยนต์ผิดปกติ จะสตาร์ทยังไงก็ไม่ติด
“หนูกัดสายไฟห้องเครื่อง จนระบบไฟฟ้าเกิดปัญหา”
ถ้าหากว่ารถสตาร์ทไม่ติด ทั้ง ๆ ที่ลองพ่วงแบตเตอรี่จากรถคันอื่นแล้ว ไฟในรถก็สว่างน้อยลง ส่วนอุปกรณ์พวกแบตเตอรี่ มอเตอร์สตาร์ทและไดสตาร์ทก็อยู่สภาพปกติ นี่น่าจะเป็นอาการของระบบไฟฟ้าภายในรถยนต์มีปัญหา เกิดได้จากหลายสาเหตุเลย ทั้ง
- การจอดรถทิ้งไว้นาน ๆ ไม่ได้ใช้งาน
- มีหนูเข้าไปทำรังและกัดสายไฟในห้องเครื่อง จนกระแสไฟถูกตัด
- กล่องควบคุมเครื่องยนต์เกิดปัญหา
5.ขั้วแบตเตอรี่สกปรก เต็มไปด้วยคราบเกลือ
“ไม่บำรุงรักษา จนขั้วแบตเตอรี่เก่าและสกปรก”
อีกสาเหตุหนึ่งสำหรับคนที่ไม่ค่อยได้ขับรถ จอดรถมรดกของพ่อทิ้งไว้หน้าบ้านนาน ๆ แล้วรถสตาร์ทไม่ติด อาจจะเกิดจากการที่ขั้วแบตเตอรี่รถยนต์เก่าและสกปรก ขาดการบำรุงรักษา ทำความสะอาดตามระยะเวลาการใช้งาน เกิดเป็นคราบลักษณะขาว ๆ เขียว ๆ เกาะอยู่ตรงขั้ว ทำให้ส่งกระแสไฟไปยังส่วนต่าง ๆ ของเครื่องยนต์ได้ไม่สะดวก จนสตาร์ทเท่าไหร่ก็ไม่ติดนั่นเอง
6.ปั๊มติ๊กรถยนต์เสีย เพราะน้ำมันเกลี้ยงถัง
“น้ำมันเหลือน้อยเกิน ระวังปั๊มติ๊กเสีย”
ถ้าจู่ ๆ รถก็สตาร์ทไม่ติด หรือมีอาการเครื่องยนต์ดับกลางทาง สาเหตุอาจจะเกิดจากปั๊มติ๊กผิดปกติ หรือเสื่อมสภาพก็ได้ เพราะปั๊มติ๊กนั้นทำหน้าที่เป็นอุปกรณ์ดูดน้ำมันจากถังเก็บน้ำมัน แล้วส่งต่อไปยังเครื่องยนต์ ช่วยจุดระเบิดให้เครื่องทำงาน การที่ปั๊มติ๊กเสียมักเกิดจากพฤติกรรมที่ปล่อยให้น้ำมันเหลือน้อยเกินไป จนขึ้นไฟเตือน ปั๊มติ๊กดูดอากาศแทนน้ำมัน จนเกิดความเสียหายนั่นเอง
7.น้ำมันหมดรึเปล่า เช็คด่วน
“น้ำมันหมด เลยสตาร์ทไม่ติด”
สิ่งที่เบสิคแต่สำคัญที่สุดในการขับรถก็คือน้ำมัน เพราะเป็นสิ่งที่ช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้ บางทีการสตาร์ทรถไม่ติดอาจจะมาจากสาเหตุง่าย ๆ อย่างน้ำมันหมด เหลือปริมาณน้อยเกินไปก็เป็นได้ ใครที่ไม่ค่อยได้ขับรถ หรือจอดรถทิ้งไว้หน้าบ้านนาน ๆ อาจจะไม่ได้เช็คปริมาณน้ำมันที่เหลือว่าเพียงพอรึเปล่า จนทำให้สตาร์ทรถไม่ติดนั่นเอง
นี่ก็คือเช็คลิสต์ 7 สาเหตุรถสตาร์ทไม่ติดเกิดจากอะไร ถ้าใครกำลังเจอปัญหานี้ แต่ไม่รู้จะทำยังไง วันนี้เราก็มี 4 วิธีแก้ปัญหาสตาร์ทรถไม่ติดมาฝาก เตรียมสมุดกับปากกามาจดได้เลย
4 วิธีสตาร์ทรถไม่ติดต้องแก้ยังไง ?
1.พกสายพ่วงแบตเตอรี่ไว้ อุ่นใจกว่า
“พกสายพ่วงแบตเตอรี่ กันไว้ดีกว่าแก้”
สำหรับคนขับรถ ไม่ว่าจะขับบ่อยหรือนาน ๆ ขับที อีกไอเทมหนึ่งที่ควรมีติดรถไว้ก่อนอุ่นใจกว่า ก็คือสายพ่วงแบตเตอรี่ เพราะอาการรถสตาร์ทไม่ติด หรือเครื่องยนต์ดับอาจจะเกิดขึ้นโดยไม่ได้คาดฝันก็ได้ ดังนั้นพกไว้ก่อนก็สบายใจกว่า อย่างน้อยก็ช่วยให้เราสามารถสตาร์ทเครื่องยนต์ได้ชั่วคราว โดยการต่อสายพ่วงกับรถยนต์คันอื่น
ข้อควรระวังในการพ่วงแบตเตอรี่รถยนต์
- ไม่เปิดระบบไฟและสตาร์ทรถ 2 คันพร้อม ๆ กัน เพราะอาจเกิดการระเบิดได้
- ระวังไม่ให้ปลายสายพ่วงสัมผัสกัน ป้องกันการเกิดไฟฟ้าลัดวงจร
- ใช้คีมหนีบช่วยในการเชื่อมต่อ
2.ไม่จอดรถทิ้งไว้นาน ๆ โดยไม่ได้สตาร์ท
“สลับใช้รถบ้าง กันเครื่องยนต์เสื่อม”
บ้านไหนที่มีสมาชิกในบ้านหลายคน พร้อมกับรถหลาย ๆ คันไว้สำรองใช้งาน แนะนำว่าควรจะสลับใช้งานรถทุกคัน เพื่อให้ระบบและอุปกรณ์ต่าง ๆ ของเครื่องยนต์ได้ทำงานบ้าง ป้องกันของเหลวภายในเครื่องยนต์ระเหยจนเหลือปริมาณน้อย เครื่องยนต์เสื่อม รวมถึงเกิดอาการรถสตาร์ทไม่ติดนั่นเอง
3.ตรวจเช็คและบำรุงรักษารถยนต์ตามระยะอยู่เสมอ
“ตรวจเช็ครถตามระยะ เพิ่มความอุ่นใจ”
สิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับการขับรถ ก็คือการหมั่นตรวจเช็ครถเบื้องต้น รวมถึงนำรถไปตรวจเช็คสภาพบ่อย ๆ ตามระยะทางกับช่างผู้เชี่ยวชาญ ทำการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง เปลี่ยนอุปกรณ์ที่จำเป็นตามอายุการใช้งาน เพื่อเป็นการบำรุงรักษาให้อุปกรณ์และระบบต่าง ๆ ภายในรถสามารถใช้งานได้ปกติอยู่เสมอ ป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดฝันอย่างรถดับกลางทางหรือรถสตาร์ทไม่ติดนั่นเอง
4.อย่าปล่อยให้น้ำมันเกลี้ยงถัง
“เติมน้ำมันให้เพียงพออยู่เสมอ ๆ”
น้ำมันนั้นเป็นหัวใจสำคัญในการใช้งานรถยนต์เลยทีเดียว ถ้าปริมาณน้ำมันไม่เพียงพอ นอกจากจะทำให้เครื่องยนต์ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติแล้ว ยังเสี่ยงต่อการที่อุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น ปั๊มติ๊ก หรือปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงเสียหาย เครื่องยนต์พังจากตะกอนน้ำมันที่อุดตัน เพราะฉะนั้น ทางที่ดีก็ควรจะหมั่นเติมน้ำมันให้เพียงพอต่อการใช้งาน ไม่ใช้จนเกือบหมดหรือหมดเกลี้ยงบ่อย ๆ จะดีที่สุด
สรุป
ทั้งหมดนี้ก็คือสาเหตุของอาการรถสตาร์ทไม่ติด ไม่ว่าจะมาจากการจอดรถไว้นาน ๆ โดยไม่ได้ใช้งานเลย หรือ อุปกรณ์ส่วนใดส่วนหนึ่งในเครื่องยนต์เสีย เสื่อมสภาพ พร้อมกับ 4 วิธีแก้ปัญหา สตาร์ทไม่ติดควรทำยังไง ลองนำไปปรับใช้กันดู
ความกังวลต่าง ๆ ของคนมีรถจะหมดไป เพราะถ้าเป็นเรื่องรถ ทำประกันรถยนต์กับ TPIS อุ่นใจยิ่งกว่า ไม่ต้องกลัวเรื่องค่าใช้จ่าย หรือค่าซ่อมจะบานปลาย ติดต่อให้เราช่วยดูแลได้เลย
- เลือกให้เหมาะกับเจ้าของรถ มีประกันให้เลือกหลากหลาย ทั้งประกันรถยนต์ชั้น 1, 2+, 3+
- ทีมงานมืออาชีพ พร้อมบริการให้คำแนะนำเกี่ยวกับประกันภัยรถยนต์ทุกแบบ
- เบี้ยประกันภัยในราคาสุดพิเศษจากบริษัทประกันชั้นนำ พันธมิตรของ TPIS
- โปรโมชั่นผ่อนสบาย ๆ 0% นานสูงสุด 6 เดือน
สนใจทำประกันรถยนต์ออนไลน์ กรอกแบบฟอร์มด้านล่างนี้ได้เลย ทีมงานผู้เชี่ยวชาญ TPIS พร้อมติดต่อกลับทันที!
แจ้งข้อมูลเพื่อให้บริษัทติดต่อกลับ
TPIS ตรีเพชรอินชัวรันส์เซอร์วิส ที่ปรึกษาด้านประกันภัยรถยนต์
เราพร้อมดูแลคุณในทุกขั้นตอนเพื่อให้คุณได้บริษัทประกันที่ตรงใจพร้อมแบบประกันภัยที่ตอบโจทย์ แถมยังมีโปรโมชั่นผ่อน 0% นานสูงสุด 6 เดือน* สนใจสมัครประกันภัยรถยนต์กับตรีเพชรอินชัวรันส์เซอร์วิส สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม