วิธีประเมินทุนประกันรถยนต์ทำอย่างไร
ทุนประกันรถยนต์ คือ ค่าสินไหมที่บริษัทประกันภัยรถจะต้องจ่ายให้แก่ผู้เอาประกันภัย ในกรณีเกิดความเสียหายต่อรถยนต์ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของประเภทประกันภัยรถยนต์ด้วย บางครั้งที่เราพูดคุยกับโบรกเกอร์ประกันภัยรถยนต์ สำหรับลูกค้าเพิ่งเข้าวงการประกันรถยนต์มือใหม่ที่เพิ่งซื้อประกันภัยรถยนต์ อยากได้ทุนประกันรถยนต์เท่าไหร่ คงจะรู้สึกงง ๆ และสับสนอยู่ไม่น้อยว่า “คำว่า ทุนประกันรถยนต์คืออะไร ทำไมเราต้องเลือกทั้ง ๆ ที่เราก็เลือกประเภทของประกันรถยนต์แล้วนะคุณเซลล์”
เอาเป็นว่า ในฐานะโบรกเกอร์ประกันภัยออนไลน์อย่างเราจะอธิบายเองจ้า
ซึ่งประกันจะซ่อมให้เฉพาะกรณีความเสียหายจากอุบัติเหตุ ไม่ว่าจะเป็นความเสียหายบางส่วนที่ยังซ่อมไหว หรือความเสียหายโดยสิ้นเชิงจำเป็นต้องขายซากรถ
สรุปง่าย ๆ ทุนประกัน เป็นวงเงินของค่าสินไหมที่บริษัทฯ ประกันจะดูแลค่าซ่อมหรือค่าความเสียหายให้เราทันทีหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเช่น อุบัติเหตุ รถหาย รถไฟไหม้ และอื่นๆ ที่อยู่ภายใต้เงื่อนไขของประเภทของประกันภัยว่าคุณเลือกทำประกันภัยชั้น 1 ประกันภัยชั้น 2+ หรือประกันภัยชั้น 3+
วิธีประเมินทุนประกันรถยนต์
การคำนวณทุนประกันจะเริ่มต้นที่ 80% จากราคากลางตลาด วิเคราะห์ทุนประกันจากยี่ห้อ ปีรุ่นที่ผลิต (อนุโลมเป็นปีจดทะเบียน) รุ่นรถยนต์เป็นหลักไงหละคะ
ตัวอย่างการคำนวณทุนประกันแบบกลม ๆ
ปีที่ 1 : รถยนต์ป้ายแดง 1,000,000 บาท จะมีทุนประกันเท่าไหร่ ?
ทุนประกัน เท่ากับ 1,000,000 x 80% = 800,000 บาท
ปีที่ 2 : การประเมินทุนประกันจะเท่ากับ “ทุนประกันปีที่ 1 x 80%”
ในที่นี้ทุนประกันปีที่ 1 เป็นที่ตั้ง = 800,000 บาท
ทำให้รถยนต์คันนี้จะมีทุนประกันเท่ากับ 800,000 x 80% = 640,000 บาท
**ส่วนใหญ่ รถใหม่ป้ายแดงจะได้ทุนประกัน 80-85% ส่วนรถเก่ามือสองจะต้องตีมูลค่าตามราคากลาง โดยมูลค่ารถจะลดลงเรื่อย ๆ ตามอายุการใช้งานนะจ้ะ
พูดภาษาง่าย ๆ โดยทั่วไปแล้ว บริษัทฯ ประกันภัยรถยนต์จะประเมินทุนประกันภัยจากราคากลางที่ซื้อขายในตลาดเป็นหลัก ขณะที่รถป้ายแดงจะคิดจากราคาซื้อเป็นหลัก เราสามารถดู ราคาประเมินรถยนต์ ฉบับอัปเดทล่าสุดปี 2019 ได้ที่เว็บไซต์กรมขนส่งทางบก โดยระบุไว้ค่อนข้างละเอียด อย่างไรก็ดี มูลค่ารถยนต์ของเราจะลดลงเรื่อย ๆ ปีละ 10% หรือตามราคากลางรถยนต์ในปีนั้น ๆ ทั้งนี้ ประวัติการเคลมประกันไม่มีผลต่อมูลค่ารถยนต์
เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้อาจจะเกิดคำถามว่า “งี้เราเลือกทุนประกันภัยต่ำจะได้รับความคุ้มครองที่คุ้มค่าไหมเนี่ยะ?”
ทุนประกันแพงต้องจ่ายเบี้ยแพงใช่ไหม ?
ถูกต้อง !! เข้าใจถูกแล้วจ้า ทุนแพงต้องจ่ายเบี้ยประกันรถยนต์แพงในส่วนทุนประกันมีผลยังไงกับประกันรถยนต์ ทุนมากทุนน้อยคิดต่างกันอย่างไร
1. ทุนประกันสูง ยิ่งคุ้มครองมาก เบี้ยประกันยิ่งแพง
การเลือกทุนประกันสูง หากเกิดเหตุจำเป็นต้องเคลม เราแทบไม่ต้องจ่ายอะไรเวลาซ่อม โดยส่วนใหญ่รถใหม่ป้ายแดงจะเลือกจ่ายทุนประกันแพง ๆ ไว้ก่อน โดยเลือกประกันรถยนต์ชั้น 1 แต่เบี้ยก็จะแพงเช่นกัน แปรผันตรงกันทุกประการครับ หากอยากได้ความคุ้มครองสูงสุด สามารถเลือกทุนประกันสูง ๆ ได้
เหมาะสำหรับ : รถใหม่ป้ายแดง ผู้ที่มีประสบการณ์น้อย หรือเจ้าของรถที่ไม่กังวลเรื่องเบี้ยประกันภัย และต้องการความคุ้มครองสูงสุดเพื่อรถยนต์สุดที่รัก
2. ทุนประกันน้อย คุ้มครองน้อย เบี้ยประกันประหยัด
ส่วนการเลือกทุนประกันน้อย ความคุ้มครองก็จะเป็นไปตามทุนครับ เมื่อเกิดเหตุเราอาจจะจ่ายต้องควักกระเป๋าจ่ายเองเวลาซ่อมรถ ดังนั้น เลือกตามความเหมาะสมของงบประมาณและความสามารถในการขับขี่เป็นหลักจะดีที่สุด
เหมาะสำหรับ : คนขับที่มีงบประมาณไม่มาก ไม่ค่อยได้ขับรถไปไหน ส่วนใหญ่จอดไว้ที่บ้าน เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ขับขี่สูง
อย่างไรก็ดี ผู้ทำประกันภัยรถยนต์นั้นสามารถเลือกเองได้ครับ ตามความต้องการของคุณ แต่ไม่แนะนำให้ทำประกันรถยนต์ด้วยทุนประกันที่สูงกว่ามูลค่าจริง (Over Insured) เนื่องจากบริษัทฯ มักจะชดเชยค่าสินไหมทดแทนตามความเสียหายจริง
เอาเป็นว่า ค่อย ๆ คิดพิจารณาสิ่งที่ใช่คุณ หรือถ้าไม่อยากเหนื่อยมองหาประกันภัยรถยนต์ให้ TPIS โบรกเกอร์ประกันภัยรถยนต์ดูแลคุณได้ รับรองว่าการค้นหาเบี้ยประกันที่ใช่คุณจะรวดเร็วที่สุด ไม่เสียเวลาอย่างแน่นอน
สนใจทำประกันรถยนต์ออนไลน์ กรอกแบบฟอร์มด้านล่างนี้ได้เลย ทีมงานผู้เชี่ยวชาญ TPIS พร้อมติดต่อกลับทันที!
TPIS ตรีเพชรอินชัวรันส์เซอร์วิส ที่ปรึกษาด้านประกันภัยรถยนต์
เราพร้อมดูแลคุณในทุกขั้นตอนเพื่อให้คุณได้บริษัทประกันที่ตรงใจพร้อมแบบประกันภัยที่ตอบโจทย์ แถมยังมีโปรโมชั่นผ่อน 0% นานสูงสุด 6 เดือน* สนใจสมัครประกันภัยรถยนต์กับตรีเพชรอินชัวรันส์เซอร์วิส สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม