ทำไมการมีประกันพนักงานถึงช่วยเพิ่มขวัญกำลังใจในองค์กรได้

ทำไมการมีประกันพนักงานถึงช่วยเพิ่มขวัญกำลังใจในองค์กรได้

พนักงานถือเป็นทรัพยากรที่มีค่ามากที่สุดขององค์กร เพราะทำหน้าที่ในการขับเคลื่อนส่วนต่าง ๆ ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่องค์กรกำหนดขึ้น ดังนั้นการมีประกันพนักงานจึงเป็นหนึ่งในสวัสดิการที่องค์กรสามารถใช้เพื่อเพิ่มขวัญกำลังใจและความพึงพอใจของพนักงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในบทความนี้จะให้ความรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างสวัสดิการกับความพึงพอใจของพนักงาน , ประโยชน์ที่องค์กรจะได้รับจากการลงทุนในประกันพนักงาน และการเลือกแผนประกันที่ตอบโจทย์ทั้งองค์กรและพนักงาน

1. ความสัมพันธ์ระหว่างสวัสดิการกับความพึงพอใจของพนักงาน

ความสัมพันธ์ระหว่างสวัสดิการกับความพึงพอใจของพนักงาน

สวัสดิการถือเป็นปัจจัยสำคัญลำดับต้น ๆ ที่ดึงดูดใจให้ใครหลายคนที่ต้องการความมั่นคงได้เข้าไปสมัครงาน เพราะถือเป็นการสร้างขวัญกำลังใจและความพึงพอใจให้กับพนักงาน การมีสวัสดิการที่ดีไม่เพียงแต่แสดงถึงความจริงใจในการดูแลเอาใจใส่จากฝ่ายบริหารเท่านั้น แต่ยังช่วยสร้างความรู้สึกปลอดภัยและมั่นคงให้กับพนักงานอีกด้วย สวัสดิการเหล่านี้อาจรวมถึงการให้เงินบำนาญ , ประกันสุขภาพ , วันหยุดพักผ่อน และอื่นๆ ที่ช่วยลดความเครียดและปรับปรุงคุณภาพชีวิตของพนักงานให้ดีขึ้น

การมีประกันสำหรับพนักงานเป็นส่วนหนึ่งของสวัสดิการที่สำคัญ เพราะสามารถช่วยปกป้องพวกเขาจากภาวะฉุกเฉินทั้งในเรื่องของสุขภาพและการเงินได้ เมื่อพนักงานรู้สึกว่าตนเองได้รับการดูแลอย่างเต็มที่ พวกเขาก็พร้อมที่จะตอบแทนด้วยการทำงานอย่างเต็มที่และมีความจงรักภักดีต่อองค์กรมากขึ้น เนื่องจากพวกเขารู้สึกถึงความรู้สึกปลอดภัยและมั่นคงที่ได้รับ ทำให้พวกเขาเชื่อมั่นว่าอนาคตของตนเองและครอบครัวจะไม่ต้องเผชิญกับความยากลำบากในภาวะฉุกเฉิน หรือในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันได้

2. ประโยชน์ที่องค์กรได้รับจากการลงทุนในประกันพนักงาน

การลงทุนในประกันสุขภาพ , ประกันอุบัติเหตุหรือประกันชีวิตสำหรับพนักงานสามารถนำไปสู่ผลประโยชน์มากมายสำหรับองค์กรที่จะได้รับ ประกอบไปด้วย

2.1 เพิ่มขวัญกำลังใจ
เมื่อพนักงานรู้ว่าพวกเขาจะได้รับการปกป้องจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน ก็จะทำให้มีความกระตือรือร้นในการทำงานมากขึ้นซึ่งส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพในการทำงาน
2.2 ลดการลาออก
การมีสวัสดิการที่ดีนอกจากจะทำให้พนักงานอยู่กับองค์กรไปนาน ๆ แล้ว ยังลดโอกาสในการลาออกไปหางานใหม่ที่อาจจะมีสวัสดีการที่เทียบเท่ากับที่องค์กรมีได้
2.3 ดึงดูดผู้สมัครงาน
ปัจจุบันผู้สมัครงานนอกจากจะหวังผลตอบแทนเป็นเม็ดเงินจากรายได้เป็นหลักแล้ว ยังหวังถึงสวัสดิการที่องค์กรจะมอบให้ โดยเฉพาะองค์กรที่มีสวัสดิการครอบคลุมจะมีโอกาสดึงดูดคนเก่งๆ มาร่วมงานมากกว่า เพราะหลายคนเลือกงานโดยคำนึงถึงสวัสดิการเหล่านี้เป็นอันดับต้นๆ
2.4 สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กร
การแสดงออกถึงการเอาใจใส่ต่อพนักงาน จะทำให้องค์กรของคุณโดดเด่นกว่าคู่แข่งและสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อสาธารณชน
2.5 ลดระยะเวลาการฟื้นตัวหลังจากเจ็บป่วยหรือเหตุการณ์ฉุกเฉิน
เมื่อมีการสนับสนุนทางการเงินที่ดี พนักงานก็จะสามารถกลับมาทำงานได้เร็วขึ้น

3. การเลือกแผนประกันที่ตอบโจทย์ทั้งองค์กรและพนักงาน

การเลือกแผนประกันที่ตอบโจทย์ทั้งองค์กรและพนักงาน

จากงานวิจัยของ ‘สลักจิต ภู่ประกร’ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ เรื่อง “ความพึงพอใจในสวัสดิการที่ได้รับของพนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สำนักงานใหญ่” พนักงานมีความพึงพอใจต่อสวัสดิการด้านสุขภาพโดยรวมมากที่สุดเมื่อเทียบกับความมั่นคงด้านปลอดภัย , ด้านการศึกษาและด้านนันทนาการ นั่นหมายความว่าการเลือกแผนประกันที่ดีย่อมมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อทั้งสองฝ่าย ซึ่งมีวิธีในการเลือกประกันดังนี้

3.1 ความคุ้มครองแบบครอบคลุม
ควรเลือกแผนประกันที่ครอบคลุมในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นสุขภาพ , ชีวิต หรือแม้กระทั่งค่ารักษาพยาบาล
3.2 ความคุ้มต้นทุน
ควรคำนวณต้นทุนทางเศรษฐกิจเพื่อให้มั่นใจว่าการลงทุนในแผนเหล่านี้เหมาะสมกับทิศทางธุรกิจขององค์กร
3.3 ความยืดหยุ่นในการปรับตัวตามสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป
แผนประกันควรสามารถปรับสัญญา หรือขยายความคุ้มครองได้เมื่อมีเหตุจำเป็นหรือเมื่อบริษัทมีการเติบโตขึ้น
3.4 การรับฟังข้อเสนอแนะของพนักงาน
แม้ว่าสวัสดิการในการคุ้มครองอาจไม่ถูกใจพนักงานครบ 100% แต่การรับรู้รายละเอียดถึงความต้องการจากพนักงาน ถือเป็นการรับฟังที่เปิดใจให้พนักงานที่ได้รับความคุ้มครองได้มีโอกาสแสดงความคิดเห็นและเสนอแนะความต้องการต่อสิ่งที่คาดหวังเพื่อที่จะได้หาจุดที่คุ้มค่าที่สุดระหว่างองค์กร พนักงาน และบริษัทประกัน
3.5 ตรวจสอบเอกสารและสัญญาอย่างละเอียด
ก่อนทำการตัดสินใจทำประกันใด ๆ ควรตรวจสอบรายละเอียดในสัญญาอย่างรอบคอบ หากมีข้อสงสัยใด ๆ ควรสอบถามไปยังตัวแทน หรือบริษัททันที
3.6 เปรียบเทียบความคุ้มครองและการบริการหลังการขาย
ควรทำการเปรียบเทียบความคุ้มครองที่จะได้รับจากบริษัทประกันเพื่อให้มั่นใจว่าจะได้รับความคุ้มครองที่คุ้มค่ามากที่สุดเมื่อต้องจ่ายเงินค่าเบี้ยประกันไป นอกจากนี้ควรพิจารณาบริการหลังการขายของบริษัทประกันว่าให้ความคุ้มครองตามที่กำหนดไว้ในสัญญาหรือไม่ เพราะหากไม่ได้รับความคุ้มครองตามที่ระบุไว้ก็ควรเปลี่ยน

โดยรวมแล้วการลงทุนในประกันสำหรับพนักงานในองค์กรถือเป็นวิธีที่ดี โดยเฉพาะในสถานการณ์ปัจจุบันที่รายล้อมไปด้วยโรคภัยมากมาย การสร้างความมั่นคงต่อชีวิต สุขภาพ เป็นการสร้างขวัญกำลังใจที่ดีที่สุด ลำพังเพียงแค่การเข้ารับการบริการจากภาครัฐอาจไม่เพียงพอต่อความต้องการของพนักงานได้

ถ้าคิดถึงเรื่องประกัน TPIS ตรีเพชรอินชัวรันส์ โบรกเกอร์ประกันภัย เป็นที่ปรึกษาด้านประกันภัยรถยนต์ ประกันการเดินทาง และประกันด้านสุขภาพ