ทำไมประกันสุขภาพถึงสำคัญสำหรับคนวัยทำงาน

ทำไมประกันสุขภาพถึงสำคัญสำหรับคนวัยทำงาน

หากไปถามคนที่อยู่ในวัยทำงานว่าประกันสุขภาพมีความจำเป็นหรือไม่ (ในที่นี้หมายถึงประกันที่สมัครใจจะทำเอง) เชื่อว่าคนจำนวนมากอาจบอกว่าไม่จำเป็น เพราะหลายบริษัทมีสวัสดิการด้านสุขภาพให้พนักงานอยู่แล้ว หรืออย่างน้อยที่สุดทุกคนก็ต้องมีสวัสดิการด้านสุขภาพจากรัฐไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง นอกจากนี้หลายคนก็รู้สึกว่าการเจ็บป่วยร้ายแรงเป็นเรื่องไกลตัว ทำให้รู้สึกว่าการทำประกันสุขภาพเป็นการจ่ายเบี้ยไปแบบสูญเปล่า แต่ถ้าลองมองความจริงว่าทุกวันนี้โรคภัยต่าง ๆ อยู่ใกล้ตัวเรามากขึ้น และลองตั้งคำถามกับตัวเองว่าสวัสดิการที่มีอยู่นั้นเพียงพอที่จะทำให้คุณเข้ารับการรักษาตามแบบที่ต้องการได้หรือไม่? … หากลองคิดแบบนี้ ความคิดของคุณอาจเปลี่ยนไปโดยเฉพาะคุณที่มีอายุวัยทำงานที่สุขภาพนับวันย่อมเสื่อมลงตามธรรมชาติ

โรคยอดฮิตของคนวัยทำงานและค่าใช้จ่ายในการรักษา

เมื่อพูดถึงโรคภัยที่เกี่ยวข้องกับคนวัยทำงาน หลายคนอาจคิดว่าเป็นเรื่องไกลตัว แต่ในความเป็นจริง กลุ่มโรคเหล่านี้เป็นภัยเงียบที่สามารถเกิดขึ้นได้โดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะในยุคที่การทำงานเต็มไปด้วยความเร่งรีบ และเราใช้ชีวิตแบบที่ไม่ส่งผลดีต่อสุขภาพสักเท่าไหร่ เช่น พักผ่อนไม่เพียงพอ , ไม่ออกกำลังกาย , กินอาหารไม่ครบ 5 หมู่ตามที่ร่างกายต้องการ , อยู่ในสภาพอากาศไม่ดี ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ล้วนเร่งให้คนเจ็บป่วยง่ายขึ้น .. ต่อไปนี้คือโรคที่พบบ่อยสำหรับวัยทำงาน

1. โรคออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome)

1. โรคออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome)
  • สาเหตุ การนั่งทำงานเป็นเวลานาน ท่าทางการนั่งที่ไม่ถูกต้อง การใช้คอมพิวเตอร์หรือสมาร์ตโฟนอย่างต่อเนื่องติดต่อกันยาวนาน
  • อาการ ปวดคอ บ่า ไหล่ อาการชา กล้ามเนื้อตึง ในบางกรณีอาจพัฒนาไปเป็นหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท
  • ค่าใช้จ่ายในการรักษา ค่ากายภาพบำบัด อยู่ในระดับหลักพัน หากต้องรักษาด้วยยา จะมีค่าใช้จ่ายค่ายาเดือนละประมาณ 1-3 พันบาท อีกทั้งเป็นโรคที่ต้องรักษาต่อเนื่อง หากรุนแรงถึงขั้นต้องผ่าตัด ค่ารักษาก็อาจพุ่งขึ้นไปถึงระดับหลักแสนบาท ยิ่งไปกว่านั้น โรคออฟฟิศซินโดรมเป็นโรคยอดฮิตที่สวัสดิการพื้นฐานส่วนใหญ่ไม่คุ้มครอง

2. โรคความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจ

  • สาเหตุ ความเครียดสะสม การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง และการขาดการออกกำลังกาย
  • อาการ วิงเวียนศีรษะ หัวใจเต้นผิดจังหวะ หายใจติดขัด
  • ค่าใช้จ่ายในการรักษา มีทั้งค่าตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ , ค่ายาความดันโลหิตสูง รวมถึงค่าผ่าตัดทำบอลลูนขยายหลอดเลือด ซึ่งรวมทั้งหมดแล้วเป็นเงินหลักแสน

3. โรคมะเร็ง

  • สาเหตุ เกิดจากหลายปัจจัยประกอบกัน ไม่ว่าจะเป็นสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัย มลพิษทางอากาศ หรือสารเคมีที่ปนเปื้อนมาในอาหาร
  • อาการ โรคมะเร็งมักจะไม่แสดงอาการอย่างชัดเจน กว่าจะรู้ตัวก็อยู่ในระยะรุนแรงแล้ว แต่การตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปีจะช่วยให้เจอโรคและรักษาได้อย่างทันท่วงที
  • ค่าใช้จ่ายในการรักษา ขึ้นอยู่กับวิธีการรักษา โดยหากรักษาด้วยการทำเคมีบำบัด ค่าใช้จ่ายในโรงพยาบาลรัฐบาลอยู่ที่ประมาณ 30,000 – 180,000 บาทต่อแผนการรักษา

นอกจากสามโรคที่ยกมาเป็นตัวอย่างแล้ว การทำงานที่เร่งรีบและไม่ได้ดูแลตัวเองอย่างเพียงพอ ยังนำไปสู่โรคอื่นได้อีก เช่น ภาวะเครียดและซึมเศร้า ภาวะไขมันในเลือดที่อาจเชื่อมโยงไปสู่เบาหวานและโรคอ้วน ฯลฯ โรคส่วนใหญ่ต้องใช้การรักษาต่อเนื่องและค่าใช้จ่ายก็สูงไม่แพ้โรคที่ได้หยิบยกมาให้ดูก่อนหน้า

ประกันสุขภาพควรคุ้มครองอะไรบ้างสำหรับพนักงานออฟฟิศ

การจะตอบคำถามนี้ได้ ขึ้นอยู่กับว่าคุณต้องการอะไรจากประกันสุขภาพบ้าง วิธีการที่ดีที่สุดคือพิจารณาสวัสดิการที่มีอยู่แล้วเทียบกับการรักษาที่คุณต้องการเมื่อเจ็บป่วย การทำแบบนี้จะช่วยให้คุณรู้ได้ว่าสวัสดิการที่มีอยู่ยังขาดอะไรบ้าง และมองหาความคุ้มครองตามที่ต้องการ ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว ความคุ้มครองของประกันสุขภาพจะแบ่งได้ดังนี้

  • ค่ารักษาพยาบาลกรณีผู้ป่วยใน (IPD) เช่น ค่าห้องพักในโรงพยาบาล , ค่าผ่าตัด , ค่าหมอ และค่าดูแลหลังการผ่าตัด
  • ค่ารักษาพยาบาลกรณีผู้ป่วยนอก (OPD) เช่น ค่าตรวจวินิจฉัยโรค , ค่ายา , ค่ากายภาพบำบัด และค่าปรึกษาแพทย์
  • ความคุ้มครองกรณีโรคร้ายแรง โดยจะขึ้นอยู่กับกลุ่มโรคที่แผนประกันนั้นให้ความคุ้มครอง
  • ความคุ้มครองกรณีขาดรายได้ จุดนี้ถือว่าเหมาะกับวัยทำงาน เพราะหากเกิดเหตุที่ต้องนอนโรงพยาบาล บางแผนประกันจะมีเงินชดเชยการขาดรายได้ให้คุณเป็นรายวัน

เมื่อรู้ว่าต้องการความคุ้มครองอะไรบ้าง อันดับต่อมาก็คือมองหาแผนประกันในระดับราคาค่าเบี้ยประกันที่เราจ่ายไหวโดยให้พิจารณาจากรายได้ประจำ คำนวณว่าในแต่ละเดือนเราพร้อมจ่ายค่าเบี้ยประกันสุขภาพในวงเงินเท่าไหร่ ประกันสุขภาพมีให้เลือกหลายระดับราคา ซึ่งทำไว้ไม่สูญเปล่า นอกจากจะได้ดูแลตัวเองแล้ว ยังลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย อีกทั้งปัจจุบันประกันสุขภาพบางแผนหากผู้เอาประกันไม่เคลมเลยก็มีเงินคืนด้วย

การลดหย่อนภาษีด้วยประกันสุขภาพสำหรับมนุษย์เงินเดือน

การลดหย่อนภาษีด้วยประกันสุขภาพสำหรับมนุษย์เงินเดือน

สำหรับคนวัยทำงาน ประโยชน์หนึ่งของประกันสุขภาพที่หลายคนอาจยังไม่รู้ก็คือนำไปลดหย่อนภาษีได้ โดยสามารถนำไปลดหย่อนได้สูงสุดตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 25,000 บาท ยิ่งไปกว่านั้น หากคุณมีพ่อแม่ที่อายุ 60 ปีขึ้นไป พ่อแม่มีรายได้สุทธิ (หลังจากการหักลดหย่อนแล้ว) ไม่เกิน 30,000 บาท หรือไม่มีเงินได้พึงประเมินในปีนั้น หากพ่อแม่ของคุณเข้าเงื่อนไขทั้งหมดนี้ การทำประกันสุขภาพให้พ่อแม่ก็สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริงสูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท นอกจากได้มอบสิ่งที่ดีให้คนที่คุณรักแล้ว ยังได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอีกด้วย

ความเจ็บป่วย เป็นเรื่องที่อยู่ใกล้ตัวเรามากกว่าที่หลายคนคาดคิด และที่สำคัญคือเมื่อเกิดโรคที่มีค่ารักษาค่อนข้างสูง บ่อยครั้งที่สวัสดิการพื้นฐานไม่ครอบคลุมค่ารักษาที่เกิดขึ้น ซึ่งหลายคนก็ไม่ได้เตรียมเงินเอาไว้สำหรับเหตุไม่คาดฝันด้านสุขภาพ แต่ปัญหานี้จะหมดไป เพียงแค่คุณตัดสินใจทำประกันสุขภาพตั้งแต่ตอนนี้

ถ้าคิดถึงเรื่องประกัน TPIS ตรีเพชรอินชัวรันส์ โบรกเกอร์ประกันภัย เป็นที่ปรึกษาด้านประกันภัยรถยนต์ ประกันการเดินทาง และประกันด้านสุขภาพ