เที่ยวหมู่บ้านชิราคาวาโกะ Shirakawago เยี่ยมชมมรดกโลกในญี่ปุ่น แบบจัดเต็ม

เที่ยวหมู่บ้านชิราคาวาโกะ Shirakawago เยี่ยมชมมรดกโลกในญี่ปุ่น แบบจัดเต็ม

ญี่ปุ่น เป็นประเทศที่มีเสน่ห์และความหลากหลายทางวัฒนธรรม ผสมผสานกับทิวทัศน์ที่งดงาม “การเดินทางเยือนที่นี่เหมือนได้หลุดเข้าไปในอีกโลกหนึ่ง” วลีนี้คงไม่ใช่การเยินยอที่เกินกว่าเหตุ เพราะความสวยงามที่ได้มองเห็นกับตาเริ่มตั้งแต่แสงสีของเมืองใหญ่สาดไปจนถึงความสงบเงียบของชนบทที่ยังคงอนุรักษ์ความดั้งเดิมไว้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ทำให้ญี่ปุ่นแตกต่างจากที่อื่นบนโลก … หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดคือ ‘หมู่บ้านโบราณชิราคาวาโกะ’ ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันสวยงามและยังคงวิถีชีวิตชาวบ้านแบบดั้งเดิมให้เราได้สัมผัส ไม่ว่าจะฤดูไหน ชิราคาวาโกะก็พร้อมต้อนรับนักเดินทางจากทั่วโลกด้วยบรรยากาศอันแสนอบอุ่นที่มาพร้อมกับความงามของทัศนียภาพที่หาจากที่ไหนไม่ได้อีกแล้วนอกจากที่แดนอาทิตย์อุทัยแห่งนี้

แนะนำหมู่บ้านมรดกโลกชิราคาวาโกะ (Shirakawago)

หมู่บ้านชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go)

หมู่บ้านชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go) ตั้งอยู๋ในจังหวัดกิฟุ ประเทศญี่ปุ่น เป็นหมู่บ้านโบราณที่โดดเด่นด้วยบ้านทรงหลังคามือพนมแบบ ‘กัชโชสุคุริ’ ซึ่งมีที่มาจากความคิดในการก่อสร้างบ้านเรือนขึ้นเพื่อรับมือสภาพภูมิอากาศที่หนาวเย็นและหิมะตกหนักในฤดูหนาว เพราะฤดูหนาวของที่นี่นั้นหฤโหดมากโดยเฉพาะในช่วงนี้จะมีหิมะปกคลุมหนาถึง 10 เมตร เป็นประจำทุกปี การออกแบบบ้านโดยให้มีหลังคาชันเพื่อให้หิมะไม่กองสะสมมากเกินไป นั่นช่วยให้ไม่ต้องคอยเกลี่ยหิมะออกจากหลังคาบ้านบ่อย ๆ วิถีชีวิตและสถาปัตยกรรมที่เกิดจากภูมิปัญญาชาวบ้านอันเป็นเอกลักษณ์เหล่านี้ทำให้หมู่บ้านชิราคาวาโกะได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจาก UNESCO

ปัจจุบันบรรยากาศในหมู่บ้านนั้นคงความเงียบสงบและงดงามตามแบบธรรมชาติ มีแม่น้ำโชกาวะไหลผ่านท่ามกลางเทือกเขาที่ปกคลุมด้วยป่าไม้ วิถีชีวิตของชาวบ้านที่นี่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงไปมากนัก ผู้มาเยือนจะยังสามารถสัมผัสถึงวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมของชาวญี่ปุ่นในอดีตได้อย่างแท้จริงเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปในอดีต ทุกฤดูกาลที่หมู่บ้านชิราคาวาโกะมีเสน่ห์ที่แตกต่างกันไป แต่นักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวที่ชิราคาวาโกะมากในช่วงฤดูหนาวที่มีการประดับไฟกลางคืน สร้างบรรยากาศสุดโรแมนติกและน่าประทับใจ

นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวยังสามารถเยี่ยมชมบ้านเรือนเก่าแก่ที่เปิดให้เข้าชมด้านใน เป็นการบอกเล่าถึงวิธีการเลี้ยงหนอนไหมในสมัยก่อนซึ่งเป็นหนึ่งในอาชีพดั้งเดิมของคนที่นี่ การค้างแรมในหมู่บ้านยังเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากสัมผัสวิถีชีวิตและบรรยากาศอันเป็นเอกลักษณ์ของหมู่บ้านที่ยังคงรักษารากเหง้าวัฒนธรรมเก่าแก่นี้

ชิราคาวาโกะ (Shirakawago) เที่ยวช่วงเดือนไหนดี

ชิราคาวาโกะ (Shirakawago) เที่ยวช่วงเดือนไหนดี

ชิราคาวาโกะ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สามารถเยี่ยมชมได้ตลอดทั้งปี ในแต่ละฤดูกาลจะมีความสวยงามที่แตกต่างกันไม่ว่าจะเป็นความสวยงามของธรรมชาติและความสวยงามทางวัฒนธรรมที่คงไว้จากอดีต โดยเฉพาะบ้านหลังคาทรงพนมมือ ‘กัชโชสุคุริ’ ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกโลก ซึ่งแต่ละฤดูกาลจะให้บรรยากาศที่แตกต่างกันดังนี้

  • ฤดูหนาว (ธันวาคม-มีนาคม) เป็นช่วงที่หมู่บ้านสวยงามที่สุดเพราะมองไปที่ใดก็จะเห็นแต่หิมะปกคลุมทั่วทั้งบริเวณ โดยเฉพาะในช่วงที่จัดงาน Shirakawago Winter Light-Up ที่หมู่บ้านจะถูกประดับประดาไปด้วยดวงไฟพร่างพราวทั้งหมู่บ้านในช่วงกลางคืน เพิ่มความโรแมนติกและมอบบรรยากาศย้อนยุคให้นักท่องเที่ยวได้เก็บภาพความประทับใจ นักท่องเที่ยวควรจองที่พักล่วงหน้าเพื่อเข้าร่วมเทศกาลนี้ เพราะอาจมีการจำกัดปริมาณผู้เข้าชมในการเข้าร่วมงาน สำหรับปี 2025 นี้ งาน Shirakawago Winter Light-Up ครั้งที่ 39 จะจัดขึ้นเพียง 4 วัน คือในวันที่ 13 มกราคม / 19 มกราคม / 26 มกราคม และ 2 กุมภาพันธ์ 2025
  • ฤดูใบไม้ผลิ (เมษายน-พฤษภาคม) เป็นช่วงที่ดอกซากุระบานสะพรั่ง หมู่บ้านจึงถูกรายล้อมไปด้วยสีชมพูสวยงาม เหมาะแก่การถ่ายภาพและเดินเที่ยวท่ามกลางธรรมชาติที่สดใส ถือเป็นอีกหนึ่งฤดูกาลที่ไม่ควรพลาด เพราะนอกจากจะได้ชมความงามของดอกซากุระแล้ว ผู้คนยังไม่พลุกพล่านมากด้วย อีกทั้งอากาศก็กำลังเย็นสบาย ๆ ไม่หนาวเกินไป อยู่ในช่วงประมาณ 12 – 25 องศา
  • ฤดูร้อน (มิถุนายน-สิงหาคม) บริเวณโดยรอบที่เต็มไปด้วยทุ่งนา ท้องนาต่างพากันอวดสีเขียวขจีอันบ่งบอกถึงความสมบูรณ์และเต็มไปด้วยความอบอุ่น
  • ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน-พฤศจิกายน) จะพบความสวยงามของใบไม้ที่เปลี่ยนสีไปทั่วทั้งหมู่บ้าน สร้างภาพสวยงามหลากหลายเฉดสี ตั้งแต่สีเหลือง – สีส้มไปจนถึงสีแดงเข้ม ช่วงนี้เป็นอีกช่วงที่นักท่องเที่ยวต่างมาเก็บภาพสีสันอันสวยงามที่ถูกรังสรรค์ขึ้นจากธรรมชาติแท้ ๆ

จะเห็นได้ว่าแต่ละฤดูกาลที่ชิราคาวาโกะมีความงดงามเฉพาะตัว หากต้องการสัมผัสหมู่บ้านที่สวยงามและเงียบสงบ ช่วงฤดูใบไม้ผลิหรือใบไม้ร่วงจะเป็นตัวเลือกที่ดี แม้ในช่วงฤดูหนาวจะมีความสวยงามแต่ก็จะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวจำนวนมาก

จุดถ่ายรูปที่ชิราคาวาโกะ (Shirakawago) ไม่ควรพลาด

จุดถ่ายรูปที่ชิราคาวาโกะ (Shirakawago) ไม่ควรพลาด

1.จุดชมวิวเท็นชุกาคุ (Tenshukaku Observatory)

จุดชมวิวที่ตั้งอยู่หน้าร้านอาหารเท็นชุกาคุ มองเห็นทิวทัศน์มุมกว้างของหมู่บ้านโอกิมาจิได้อย่างสวยงามในทุกฤดูกาล จุดนี้ถือเป็นไฮไลต์ที่มักปรากฏในแผ่นพับท่องเที่ยว มีบริการรถชัตเทิลบัสสำหรับผู้ที่ต้องการขึ้นไปจุดชมวิว หรือหากเดินเท้าจะใช้เวลาประมาณ 20 นาทีจากหมู่บ้าน

2.กลุ่มบ้านกัชโชสุคุริ 3 หลัง (Gassho-zukuri Triplets)

บ้านทรงกัชโชสุคุริสามหลังเรียงรายกัน เรียกได้ว่าเป็นภาพถ่ายที่ห้ามพลาด หากยืนถ่ายจากทุ่งนาตรงหน้าบ้าน จะได้วิวบ้านทั้งสามหลังโดยมีภูเขาเป็นฉากหลัง ในกลุ่มนี้มีร้านอาหาร ‘Oshokujidokoro Chubee’ ให้บริการอาหารท้องถิ่นและร้านขายของฝาก ‘Omiyage-dokoro Kikori’ สำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากหาซื้อของฝากติดมือกลับบ้าน

3.บ้านวาดะ (Wada House) 

เป็นบ้านกัชโชสุคุริที่ใหญ่ที่สุดในหมู่บ้านโอกิมาจิ และยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมที่สำคัญของประเทศญี่ปุ่น บ้านนี้มีอายุประมาณ 300 ปี ปัจจุบันเปิดให้เข้าชมในบางส่วนของชั้น 1 และชั้น 2 โดยสามารถถ่ายภาพภายในได้ ซึ่งจะได้เห็นบรรยากาศแบบดั้งเดิมและโครงสร้างบ้านอันงดงามและทรงคุณค่า บ้านวาดะเปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 09.00 – 17.00 น. มีค่าเข้าชม 300 เยน

3 จุดเช็คอิน ที่ไม่ควรพลาด เมื่อมาเยือน ชิราคาวาโกะ

1.บ้านโบราณสามหลังซ้อนกัน (Shirakawago Three Houses)

บ้านโบราณหลังใหญ่สามหลังที่ตั้งเรียงรายใกล้กัน นอกจากจะเป็นมุมถ่ายรูปที่มีความสวยงามในทุกฤดูกาลแล้ว นักท่องเที่ยวที่ได้มาเยือนจะต้องเข้าเยี่ยมชมและถ่ายภาพคู่กับบ้านโบราณทั้ง 3 หลัง เพราะเป็นจุดสำคัญที่แสดงถึงเอกลักษณ์ของการสร้างบ้านแบบกัชโชสุคุริอย่างแท้จริง โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวที่จะมองเห็นบ้านสามหลังนี้สวยเด่นเป็นสง่าท่ามกลางหิมะสีขาวโพลนปกคลุมไปทั่วทั้งบริเวณ

2.จุดชมวิวเท็นชุคาคุ (Tenshukaku Observatory)

เป็นหนึ่งในจุดชมวิวที่ไม่ควรพลาด เพราะถือเป็นหนึ่งในจุดชมวิวที่สวยที่สุด จุดชมวิวเท็นชุคาคุจะอยู่บนเนินเขาเหนือหมู่บ้าน นักท่องเที่ยวสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของบ้านกัชโชสุคุริที่เรียงรายท่ามกลางทิวเขา โดยในช่วงฤดูหนาวจะพบหิมะปกคลุมบ้านโบราณ ท่ามกลางแสงไฟประดับระยิบระยับ หรือช่วงใบไม้เปลี่ยนสีที่พื้นหลังเป็นบ้านไม้โบราณที่รายล้อมไปด้วยสีสันของใบไม้ต่าง ๆ ดูงามตา ทำให้มุมนี้เป็นที่นิยมของนักถ่ายภาพ

3.ขอพรที่วัดเมียวเซนจิ (Myozen-ji Temple)

ขอพรที่วัดเมียวเซนจิ (Myozen-ji Temple)

หลังจากชมความงามของหมู่บ้าน อย่าลืมแวะไปกราบไหว้ขอพรที่วัดเมียวเซนจิ (Myozen-ji Temple) ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ตัววัดตั้งอยู่ทางตอนเหนือของหมู่บ้านชิราคาวาโกะและยังทำหน้าที่เป็นพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นเพื่อจัดแสดงงานฝีมือและเครื่องใช้ดั้งเดิมของชาวบ้านในอดีต นับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นหาชมได้ยากด้วยสถาปัตยกรรมแบบกัชโชสุคุริที่กลมกลืนไปกับธรรมชาติรอบข้างซึ่งทำให้วัดนี้แตกต่างจากวัดทั่วไปอย่างชัดเจน ในอดีตวัดเมียวเซนจิเป็นสถานที่พักสำหรับพระสงฆ์ที่เดินทางมาประจำหรือผ่านไปมา ซึ่งภายในวัดยังคงรักษาข้าวของเครื่องใช้โบราณไว้ในสภาพดีเยี่ยมและจัดแสดงให้ผู้เยี่ยมชมได้เข้าชมอย่างใกล้ชิด

อยากนอนค้างที่ชิราคาวาโกะ (Shirakawago) ทำยังไง

อยากนอนค้างที่ชิราคาวาโกะ (Shirakawago) ทำยังไง

สำหรับการมาเที่ยวและเยี่ยมชมความงามหมู่บ้านโบราณชิราคาวาโกะในช่วงฤดูหนาว นักท่องเที่ยวที่สนใจเช้าชม Light Up จำเป็นที่จะต้องจองที่พักผ่านหน้าเว็บไซต์ shirakawa-go ของหมู่บ้านเท่านั้น เพื่อลดปัญหาความแออัด ซึ่งมีให้เลือกจอง 4 อย่างด้วยกัน คือ

  • 1. จองที่พัก ในการจองที่พักนักท่องเที่ยวแบบค้างคืนจะมีการคัดเลือกนักท่องเที่ยวแบบสุ่ม โดยจะต้องส่งใบจองที่พักผ่านเว็บไซต์ เมื่อนักท่องเที่ยวได้รับการคัดเลือกเป็นผู้มีสิทธิ์เข้าพัก และจะได้รับตั๋วเข้าชมงาน Light up และได้รับตั๋วชมวิวด้วย ส่วนการยืนยันว่าคุณเป็นผู้มีสิทธิ์เข้าพัก ทางทีมงานจะมีอีเมล์ส่งไปให้ยืนยันการเข้าพัก สำหรับปีนี้จะมีการเปิดจองช่วงเดือนตุลาคมและประกาศผลผู้ได้รับสิทธิ์เข้าพักในเดือนพฤศจิกายน
  • 2. จองที่จอดรถ สำหรับคนที่ไปเที่ยวแบบ One Day Trip คือ มีรถขับไปเอง หรือเช่ารถไปเอง ทางเว็บไซต์จะเปิดให้จองที่จอดรถในช่วงกลางเดือนกันยายน โดยมีค่าธรรมเนียมรวมที่จอดรถอยู่ที่ 4,000 เยนต่อคัน (1-10 คน) และค่าขึ้นจุดชมวิวอีก 1,000 เยน ต่อคน
  • 3. จองรถทัวร์ หากนักท่องเที่ยวมาเป็นหมู่คณะให้ติดต่อและจองผ่านเอเจนท์หรือบริษัททัวร์โดยตรง ซึ่งจะมีบางทัวร์เท่านั้นที่คนไทยจองได้ ก็คือรถทัวร์ Nohi Bus สำหรับคอร์สที่ซื้อกับทัวร์จะมีแบบคอร์สปกติ และคอร์สที่มีตั๋วขึ้นชมวิว
  • 4. จองรถบัส หากนักท่องเที่ยวไม่ประสงค์ที่จะพักค้างคืน จะต้องจองรถบัสกลับ เนื่องจากในวันงาน Shirakawago light up จะไม่มีรถบัสสาธารณะให้บริการหลังเวลา 17.30 น. ยกเว้นบางบริษัทรถบัสที่ให้บริการเป็นพิเศษเฉพาะเทศกาลนี้ ซึ่งต้องจองล่วงหน้ากับทางบริษัทรถบัสนั้น ๆ โดยตรง

การพักค้างคืนในชิราคาวาโกะเป็นโอกาสพิเศษในการสัมผัสวิถีชีวิตดั้งเดิมของญี่ปุ่น คุณสามารถจองที่พักบ้านแบบกัชโชสุคุริได้ ซึ่งจะมีเจ้าของบ้านคอยให้บริการพร้อมอาหารญี่ปุ่นพื้นเมือง แนะนำให้จองล่วงหน้าอย่างน้อย 2 – 3 เดือน โดยเฉพาะช่วงเทศกาลฤดูหนาว

ถ้าคิดถึงเรื่องประกัน TPIS ตรีเพชรอินชัวรันส์ โบรกเกอร์ประกันภัย เป็นที่ปรึกษาด้านประกันภัยรถยนต์ ประกันการเดินทาง และประกันด้านสุขภาพ