5 สถานที่น่าเที่ยวในญี่ปุ่นเดือนมิถุนายน
ไม่ไปไม่รู้ว่าประเทศญี่ปุ่น เป็นประเทศที่สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี แม้กระทั่งในเดือนมิถุนายนที่อาจมีฝนพรำได้ตลอดทั้งเดือนก็ยังสามารถท่องเที่ยวได้อย่างเพลิดเพลิน เพียงแต่เช็คในเรื่องของสภาพอากาศและมรสุมให้ดีและไม่ไปช่วงที่พายุเข้า เพียงเท่านี้ก็จะทำให้คุณได้เห็นมุมมองและสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ ๆ ได้อย่างไม่ยากเย็น โดยเฉพาะความสวยงามทางธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นดอกไม้นานาชนิด หรือแม้แต่กิจกรรมต่าง ๆ ที่จัดขึ้นในแต่ละพื้นที่ โดยในวันนี้จะพาไปรู้จักกับสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ในหน้าฝนว่ามีที่ใดบ้าง และต้องเตรียมตัวอย่างไรเมื่อต้องไปเยือนญี่ปุ่นในช่วงเวลาที่ฝนพรำ
1.สระมรกตอาโออิเคะ จังหวัดอาโอโมริ Aoike (Aomori Prefecture)
อาโอโมริ เมืองแห่งธรรมชาติและน้ำพุร้อน รวมถึงเทือกเขาชิราคามิ (Shirakami Sanchi) พื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์จนได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลก ได้ซ่อนสระน้ำสีฟ้าเขียวอันสวยงามเอาไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ออกผจญภัยและค้นหาเพื่อชมความงามของธรรมชาติอันแท้จริง
บนเส้นทางดังกล่าวท่านจะพบกับสระน้ำโคโตบะ สระน้ำสีฟ้า , ต้นบีชยักษ์ , สระน้ำฟุตสึโบะ ส่วนไฮไลต์ของเส้นทางนี้คือสระอาโออิเคะซึ่งมีผิวน้ำสีฟ้าใสสวยงามมีเสน่ห์ดึงดูดให้ผู้คนจำนวนมากหลงใหล บริเวณโดยรอบของสระน้ำจะเปลี่ยนสีไปตามฤดูกาลเนื่องจากสีของใบไม้และดอกไม้ที่เปลี่ยนไป ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการชมคือตั้งแต่เดือนเมษายนถึงเดือนสิงหาคม ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มุมของแสงแดดจากดวงอาทิตย์อยู่สูง ทำให้มองเห็นป่าบริเวณใกล้เคียงโดยเฉพาะป่าต้นบีชดึกดำบรรพ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ที่อยู่ : Matsugamiyama, Matsugami, Fukaura-machi, Aomori Prefecture
การเดินทาง : หากมาจากโตเกียวและเดินทางด้วยรถไฟ ให้ขึ้นรถไฟ JR Line โทโฮคุชินคันเซน ที่สถานีโตเกียวไปลงสถานีชินอาโอโมริ ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง 20 นาที จากนั้นขึ้นรถไฟสาย JR โออูจากสถานีชินอาโอโมริไปลงสถานีฮิโระซะกิ ใช้เวลาประมาณ 40 นาที
เวลาเปิด-ปิด : เปิดตลอด 24 ชั่วโมง
ค่าใช้จ่าย : ฟรี
เว็บไซต์ : https://www.tohokukanko.jp/attractions/detail_1464.html
2.Michinoku Ajisai Park (Iwate Prefecture)
เทศกาลดอกไฮเดรนเยีย (Ajisai) ดอกไม้ที่เป็นสัญลักษณ์ของฤดูฝนในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวจะมีกิจกรรมและงานอีเวนต์มากมายทั่วประเทศในเดือนมิถุนายน สำหรับพื้นที่ในการรับชมความสวยงามของดอกไฮเดรนเยียที่สวยงามที่สุด คือ Michunoku Ajisai Park เมืองอิจิโนะเซกิ จังหวัดอิวาเตะ ซึ่งเป็นสวนดอกไฮเดรนเยียที่ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น
หากคุณได้ไปเยี่ยมชมในช่วงเวลาดังกล่าวจะพบกับความสวยงามของดอกไฮเดรนเยียที่กำลังออกดอกบานสะพรั่งสวยงามอยู่เต็มไปหมด นอกจากนี้คุณยังได้พบกับเส้นทางเดินป่า สัมผัสกับสนซีดาร์ที่รายล้อมไปด้วยดอกไฮเดรนเยียตลอดสองข้างทาง ซึ่งเป็นระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร โดยในช่วงดังกล่าวจะมีการจัดกิจกรรมมากมาย คุณจะได้ตื่นตาไปกับการนำดอกไฮเดรนเยียมาลอยในน้ำให้เห็นละลานตาไปหมด สวยงามมาก
ที่อยู่ : Harasawa-111 Maikawa, Ichinoseki, Iwate 021-0221
การเดินทาง : จากสถานีโตเกียว ขึ้นรถไฟชินคันเซ็น ไปลงสถานี Ichinoseki ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที ต่อด้วยรถบัสประมาณ 30 นาที ไปลงที่ป้าย Mizukami แล้วเดินอีก 15 นาทีก็ถึงสวน
เวลาเปิด-ปิด : ช่วงเวลาที่เปิดให้เข้าชมประมาณวันที่ 24 มิถุนายน – 24 กรกฎาคม ของทุกปี ตั้งแต่เวลา 8:00– 17:00
ค่าใช้จ่าย : ผู้ใหญ่ 1,000 เยน, เด็กนักเรียน 200 เยน
เว็บไซต์ : https://www.ichitabi.jp/spot/data.php?p=36
3.Kitaibaraki ajisai no mori (Ibaraki Prefecture)
หน้าฝนนี้ไปเที่ยวดินแดนแห่งดอกไฮเดรนเยีย คิตาอิบารากิ กันนะ .. คิตาอิบารากิ ตั้งอยู่จังหวัดอิบารากิ ประเทศญี่ปุ่น ณ ที่แห่งนี้คุณจะพบกับดอกไม้ที่มีให้ชื่นชมมากกว่า 28,000 ดอก จาก 1,200 สายพันธุ์ สวยงามบานสะพรั่งไปตามถนนในป่าที่นำไปสู่หุบเขาฮานาโซโนะในเมืองคิตาอิบารากิ คุณจะพบกับดอกไฮเดรนเยียพันธุ์หายากที่ถูกรวบรวมจากทั่วประเทศโดยนักสะสมของสมาคมไฮเดรนเยียแห่งญี่ปุ่นมานานมากกว่า 16 ปี
ซึ่งนักท่องเที่ยวที่หลงรักดอกไฮเดรนเยียไม่ควรพลาด สำหรับใครที่มาเยี่ยมชมเมืองอิบารากิจะต้องไม่ลืมแวะชมทิวทัศน์อันงดงามของแม่น้ำฮานาโซโนะที่เรียงรายไปด้วยภูเขาที่สวยเหมือนภาพวาด โดยมีเออิโซมุระเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในจังหวัดอิบารากิ นอกจากนี้ยังมีศาลเจ้าฮานาโซโนะที่มีต้นไม้ยักษ์ให้ทุกคนได้ถ่ายรูปเก็บความประทับใจและชมความงดงามไปพร้อมๆ กัน
ที่อยู่ : 1138 Azukihata, Hanagawa-cho, Kitaibaraki-shi, Ibaraki Prefecture
การเดินทาง : นั่งรถไฟ 10 นาทีจากสถานีอิโซฮาระ บนสาย JR โจบัน
เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้เข้าชมทุกวันที่ 10 มิถุนายน – 9 กรกฎาคม ของทุกปี June เวลา 9.00 – 16.00 น.
ค่าใช้จ่าย : ผู้ใหญ่ 500 เยน, เด็กนักเรียน 300 เยน
เว็บไซต์ : https://www.ibarakiguide.jp/special/ibaraki_ajisai2023/05_kitaibarakiajisainomori.html
4.สวนโออิชิ ปาร์ค จังหวัดยามานาชิ Kawaguchiko Oishi Park (Yamanashi Prefecture)
คาวากุจิโกะ โออิชิ ศูนย์กลางธรรมชาติที่มีชีวิต เป็นสวนสาธารณะที่มีวิวสวยงาม เหมาะแก่การไปเยือนสักครั้งในชีวิต หากหันหน้าไปทางชายฝั่งทะเลสาบคาวากุจิทางเหนือของทะเลสาบจะพบกับภูเขาไฟฟูจิที่สวยงาม นอกจากสวนยากิซากิบนชายฝั่งทางใต้แล้ว ที่นี่ยังเป็นที่รู้จักในนามของสวนลาเวนเดอร์และเป็นสถานที่หลักในการจัดเทศกาลคาวากุจิโกะฮาล์ฟเฟสติวัลอีกด้วย
โดยในช่วงปลายเดือนมิถุนายนท่านจะพบเห็นดอกลาเวนเดอร์เริ่มบานไปจนถึงกลางเดือนกรกฎาคม วิวทะเลสาบและภูเขาไฟฟูจิเหนือดอกลาเวนเดอร์เป็นเอกลักษณ์ของสวนสาธารณะโออิชิแห่งนี้ ต้องบอกว่าใครที่ต้องการจะถ่ายรูปคู่กับภูเขาไฟฟูจิให้ได้รูปวิวที่สวยงามมากที่สุด จะต้องมาถ่ายที่ คาวากุจิโกะ โออิชิ ปาร์คแห่งนี้ แต่ถ้าใครที่ชอบความงามของต้นโคเชียสีแดงสด ต้องมาในช่วงเดือนตุลาคม – เดือนพฤษภาคม รับรองได้เลยไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน
ที่อยู่ : 2585 Oishi, Fujikawaguchiko-cho, Minamitsuru-gun, Yamanashi Prefecture 401-0305
การเดินทาง : จากโตเกียว นั่งรถไฟมาที่สถานี Otsuki Station เพื่อขึ้น Fujikyuko Line ลงสถานี Kawaguchiko Station จากนั้นให้นั่งรถแท็กซี่ต่อประมาณ 20 นาที
เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้ชมตลอดทั้งปี
ค่าใช้จ่าย : ฟรี
เว็บไซต์ : https://www.fkchannel.jp/naturelivingcenter/oishipark/
5.สวนพฤกษศาสตร์ เกียวโต Hanashobu park (Kyoto Prefecture)
สวนพฤกษศาสตร์เกียวโต Hanashobu Park เป็นสวนดอกไม้ขนาดใหญ่ มีดอกไม้ให้ชมนานาชนิด ไฮไลต์ของการชมสวนในฤดูฝนอย่างเดือนมิถุนายนท่านจะได้ชมความสวยงามของดอกไอริสฮานะ ดอกไม้สไตล์เอโดะที่เป็นสัญลักษณ์แห่งความกล้าหาญ บ้างก็ว่ามีความหมายถึงความซื่อสัตย์ ความศรัทธาและความหวัง ดอกไอริสเป็นดอกไม้ทางประวัติศาสตร์ที่นิยมใช้นำไปเป็นหัวข้อในการวาดภาพสมัยเอโดะ
ซึ่งถือเป็นเสมือนตัวแทนของประเทศญี่ปุ่น ภายในสวนดังกล่าวมีดอกไอริสกว่า 200 สายพันธุ์ จำนวนมากกว่า 10,000 กอ ให้ได้ชม นอกจากนี้ยังสามารถชมความงดงามของดอกไม้อื่น ๆ ที่ผลิบานแตกต่างกันในแต่ละฤดูกาล เช่น ดอกซากุระ, ดอกทิวลิป , ดอกกุหลาบ ฯลฯ ทั้งยังมีในส่วนของอาคารเรือนกระจกให้เข้าชมดอกไม้อีกหลากหลายสายพันธุ์ ไม่เพียงแต่มีดอกไม้ให้ชื่นชมความสวยงามเท่านั้น ณ สวนแห่งนี้นักท่องเที่ยวยังสามารถชมความงามของใบไม้เปลี่ยนสีในช่วงต้นฤดูหนาวซึ่งมีความงามไม่แพ้กัน
ที่อยู่ : Shimogamohankicho, Sakyo-ku, Kyoto 606-0823
การเดินทาง : จากสถานี Kyoto Station นั่งรถไฟใต้ดินสาย Karasuma Lineมายังสถานี Kitaoji Station หรือสถานี Kitayama Station เดินเท้าต่ออีกประมาณ 5 – 10 นาที ก็จะถึงทางเข้าของสวน Kyoto Botanical Garden ตัวสวนจะติดกับสถานี Kitayama/kyoto subway
เวลาเปิด-ปิด : 9.00-17.00 น. ในส่วนกรีนเฮาส์ 10.00-16.00 น.
ค่าใช้จ่าย : ผู้ใหญ่ 200 เยน เด็กมัธยมปลาย 150 เยน เด็กมัธยมต้น ไม่เสียค่าเข้า
เว็บไซต์ : https://www.pref.kyoto.jp/plant/11900025.html
เป็นอย่างไรกันบ้างกับสถานที่เที่ยวประเทศญี่ปุ่นในช่วงฤดูฝน หรือเดือนมิถุนายน – สิงหาคม โดยประมาณ สำหรับสาวกประเทศญี่ปุ่นต้องไม่พลาดด้วยประการทั้งปวง คุณจะได้พบกับความงามของดอกไม้นานาชนิดที่หาดูได้ยากในเมืองไทย เพราะในแต่ละฤดูของประเทศญี่ปุ่นจะมีดอกไม้นานาชนิดคอยออกดอก ผลิบานอยู่ตลอดทั้งปี ขึ้นอยู่กับว่าไปช่วงเวลาใด
นอกจากนี้ยังมีสถานที่อื่นๆ ที่ควรไปเยี่ยมชมในเดือนมิถุนายน ได้แก่ โอกินาว่า , ฮอกไกโด , หมู่เกาะ Rishiri และ Rebun พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ Sunshine ในโตเกียว และนากาโน่ ที่มีความสวยงามไม้แพ้กัน สำหรับการเตรียมตัวมาเที่ยวในฤดูฝนนี้อาจจะต้องหาชุดกันฝนและร่ม ซึ่งสามารถหาซื้อได้ง่ายตามร้านสะดวกซื้อ ถ้าคิดถึงเรื่องประกัน TPIS ตรีเพชรอินชัวรันส์ โบรกเกอร์ประกันภัย เป็นที่ปรึกษาด้านประกันภัยรถยนต์ ประกันการเดินทาง และประกันด้านสุขภาพ