ตัดสินใจไม่ถูกระหว่าง ซื้อบ้านก่อนหรือซื้อรถยนต์ก่อนดี
หากเราทำงานมาระยะเวลาหนึ่งแล้วมีเงินเก็บสักหน่อย หลายๆ คนอาจจะมีคำถามนี้เกิดขึ้นกับตัวเองกันบ้าง ไม่มากก็น้อยว่าระหว่าง ซื้อบ้านหรือรถก่อนดี เพราะจะให้ซื้อให้ผ่อน ทั้งบ้านทั้งรถพร้อมกันอาจจะเป็นภาระที่หนักไปสักหน่อยสำหรับคนที่เพิ่งเริ่มมีเงินเก็บ แต่ทั้งนี้ชีวิตแต่ละคนก็จะมี ปัญหา ภาระ และ หน้าที่ ที่แตกต่างกันการจะเลือกซื้อเลือกใช้อะไรนั้นขึ้นอยู่กับการเงินของเรา และกำลังผ่อนของเรา ซึ่งรถจะมีระยะเวลาผ่อนอยู่ที่ป 4-7 ปี และการผ่อนบ้านเป็นหนี้ระยะยาวอาจจะมากสุด 20-30 ปี เลยก็ได้ ซึ่งเป็นระยะเวลาที่ยาวนานเราอาจจะต้องพึ่งตัวช่วยอย่าง ประกันสินเชื่อรถยนต์ หรือ ประกันสินเชื่อบ้าน กรณีเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันจะได้ไม่เป็นภาระในภายหลังด้วย
แต่อย่าลืมว่าการเลือกซื้อบ้านหรือรถ เป็นปัญหาการเงินส่วนบุคคลไม่มีถูก-ผิด เพียงแต่ต้องหาความเหมาะสมในการใช้จ่ายให้ได้ประโยชน์ของสิ่งที่เราจะซื้อได้อย่างสมเหตุสมผลได้ก็ถือว่าโอเคแล้ว ซึ่งในวันนี้ TPIS จะชวนมาคิดวิเคราะห์โจทย์ทางการเงินส่วนบุคคลกันว่าเราควรซื้ออะไรก่อนดี และจะหาประโยชน์จากสิ่งที่เราซื้อได้อย่างไรบ้าง ไปดูกันเลย
อย่างแรกที่เราต้องวิเคราะห์ คือ “ตัวเอง” เพราะปัญหาการเงินส่วนบุคคลแต่ละคนไม่เหมือนกัน เริ่มจากเรามีเงินเท่าไหร่สามารถวางเงินดาวน์ได้แค่ไหนรับความเสี่ยงได้เท่าไหร่ ต้องมีประกันสินเชื่อรถยนต์หรือบ้านมั้ย และยิ่งสามารถวางเงินดาวน์ได้เยอะยิ่งผ่อนผ่อนสบายยกตัวอย่างเป็นเรื่องๆ ไปละกัน
อยากซื้อรถยนต์ก่อน มีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง
อยากจะแนะนำให้ดูว่าเรามีเงินที่สามารถทำไปดาวน์รถไหวแค่ไหนเพราะเป็นปัจจัยในการทำให้เรามีภาระผ่อนต่อเดือนน้อยลง ยกตัวอย่างเช่น รถ ราคา 700,000 บาท เราวางเงินดาวน์ 20% เท่ากับ 140,000 บาท ดอกเบี้ย 2.8% ผ่อน 4 ปี (48งวด) เท่ากับว่าเราผ่อนรถเดือนละ 14,392 บาท แต่ถ้าเราวางเงินดาวน์เพิ่มเป็น 25% เท่ากับ 175,000 บาท ดอกเบี้ย 2.8% ผ่อน 4 ปี (48งวด) เท่ากับว่าเราผ่อนรถเดือนละ 13,492 บาท นั้นทำให้เรามีสภาพคล่องต่อเดือนมากขึ้นนั้นเอง ถ้าเราวางแผนคำนวณมาอย่างดีรับประกันสินเชื่อรถยนต์จะไม่มีปัญหากับชีวิตเราแน่นอน
แต่ก็อย่าลืมค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่มาพร้อมกับรถด้วย เช่น ค่าน้ำมัน, ประกันรถยนต์, ค่า พ.ร.บ., ค่าประกันสินเชื่อรถยนต์, ค่าบำรุงรักษาทุก 6 เดือน หรือ 10,000 กิโลเมตร และอื่นๆ อีกมาก รวมๆ แล้วมีค่าใช้จ่ายที่ต้องเตรียมไว้ 10,000บาท/เดือนขึ้นไป
ซึ่งกรณีที่แย่ที่สุดอาจจะสู้ค่าใช้จ่ายไม่ไหวจนต้องจอดรถทิ้งไว้เฉยๆ หรือขับรถเฉพาะแค่เวลาจำเป็น ก็เป็นได้ ซึ่งคงต้องถามตัวเองว่าใน 2 ปีนี้เรามีภาระทางการเงินอื่นๆ ที่จะต้องรับผิดชอบมากน้อยแค่ไหนก่อนตัดสินใจซื้อรถ
อยากจะซื้อบ้านก่อน มีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง
อย่างแรกที่รู้กันว่าการผ่อนบ้านหรือดอนโดสักที่ จะต้องมีเงินก้อนใหญ่และใช้เวลาผ่อนนานมาก แต่สามารถคำนวณค่าผ่อนต่อเดือนแบบง่ายๆ ตาม MRR ปัจุบัน คือ 6% หรือเรียกง่ายๆ คือ ผ่อนล้านละ 6,000 บาท/เดือน (ขึ้นอยู่กับแต่ละธนาคารด้วย) แต่ก็ขึ้นอยู่กับวิธีการเลือกผ่อนจ่ายด้วยว่าจะเป็น ดอกเบี้ยคงที่ (Fixed Rate) ที่เป็นอัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารกำหนดเป็นตัวเลขเฉพาะเจาะจงออกมาเลย เช่น 4% – 6% ต่อปี ดอกเบี้ยคงที่จะทำให้ทั้งผู้ให้กู้และผู้กู้ทราบจำนวนดอกเบี้ยที่จะได้รับหรือต้องจ่ายเป็นจำนวนที่แน่นอน เพราะถูกกำหนดไว้และจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดตามที่ระบุในสัญญาเงินกู้
หรือถ้าดอกเบี้ยลอยตัว (Floating Rate) ดอกเบี้ยสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาต้องรอใกล้ ๆ กำหนดรับหรือจ่ายดอกเบี้ย ถึงจะรู้อัตราดอกเบี้ยที่เอามาคำนวณ แต่การซื้อบ้านหรือคอนโดก็เหมือนการผ่อนรถที่มีค่าใช้จ่ายแฝง เช่น รถที่มีประกันสินเชื่อรถยนต์ บ้านก็มีค่าใช้จ่ายแฝงอย่างประกันสินเชื่อบ้าน ของตกแต่ง ค่าซ่อมบ้าน อื่นๆ ตามมาเช่นกัน อาจจำเป็นต้องมีเงินก้อนมากกว่า 100,000 บาทขึ้นไป ก็เป็นได้
ซื้อรถยนต์ก่อนต้องวางแผนอะไรบ้าง
รองลงมาจากเรื่อง เงินๆ ทองๆ ก็ต้องมาคำนึงถึงความจำเป็นและประโยชน์ของการใช้งานรถด้วย เพราะบางครั้งรถก็จำเป็นต่อการสร้างรายได้ของเรายกตัวอย่าง เช่น พนักงานขายที่จำเป็นต้องมีรถไว้ติดต่อลูกค้า อาชีพที่ต้องมีรถไว้ขนของขนสินค้า ก็ถือว่าเป็นอุปกรณ์สร้างงานสร้างอาชีพที่มีความจำเป็นกับเรา หรือ เราอาจอยู่ในพื้นที่ ที่การขนส่งสาธาณะเข้าไม่ถือหรือ ไม่ดีพอที่จะใช้บริการ เช่น รถสาธาณะมีน้อย รอนาน มาไม่สม่ำเสมอ จนทำให้ใช้เวลาเดินทางมากจนผิดปกติก็ถือเป็นความจำเป็นที่จะต้องใช้รถ
แต่ไม่ว่ากรณีใดก็ตามการที่ต้องใช้รถใช้ถนนในการขนของ ยิ่งเราใช้เวลาบนท้องถนนมากยิ่งมีสิทธิ์เกิดอุบัติเหตุมาก ควรหาประกันรถยนต์ชั้น 1 หรือ ประกันสินเชื่อรถยนต์ เพื่อรองรับเหตุการณ์ไม่คาดฝันไว้ด้วย
อยากซื้อบ้านหรือคอนโดก่อน ต้องวางแผนอะไรบ้าง
บางครั้งบางคนอาจมองเห็นว่าบ้านมีความจำเป็นมากกว่ารถและอยากได้บ้านเพราะถ้าเรามีที่อยู่อาศัยใกล้ที่ทำงาน ทำให้เราเดินทางได้สะดวกมากขึ้น ใกล้ที่ทำงานมากขึ้น และประหยัดเวลามากกว่าการขับรถไกลๆ และที่อยู่อาศัยอาจจะราคาเพิ่มขึ้นเป็นของแถม
แต่บางครั้งเราอาจจะลืมนึกไปว่าเราจะทำงานอยู่ที่นั้นนานแค่ไหน เกิดมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันทั้งอุบัติเหตุหรือเหตุให้ต้องลาออกหรือต้องย้ายไปทำงานที่ไกลๆ จากที่อยู่อาศัยใกล้ๆ ที่ทำงานสร้างความสะดวกสบายอาจกลายเป็นภาระหนักไปเลยก็ได้
สรุป ซื้อบ้านก่อนหรือซื้อรถก่อน
จะขอย้ำอีกสักครั้งว่าการตัดสินใจเลือกซื้อรถหรือบ้านก่อนก็ได้ ขึ้นอยู่กับความต้องการที่จะใช้งานหากบ้านเราใกล้รถไฟฟ้า หรือใกล้ที่ทำงานก็ไม่จำเป็นต้องใช้รถเลยก็ได้ แต่ถ้าที่ทำงานไกลต้องเดินทางไปต่างจังหวัดบ่อย ถ้ามีรถยนต์ก็สะดวกสบายกว่าเดินทางโดยรถสาธารณะ
สิ่งสำคัญเราจะต้องดูเรื่องค่าใช้จ่ายเป็นอันดับแรกว่าเรามีกำลังซื้อกำลังผ่อนขนาดไหน ถ้าหากเรายังไม่แน่ใจว่าจะซื้อดีไหมผ่อนไหวหรือเปล่า ค่าตกแต่งบ้านจะบานปลายไหม ค่าซ่อมบำรุงบ้านเท่าไหร่ ต้องทำประกันภัยรถยนต์ไหม ควรทำประกันสินเชื่อรถยนต์เท่าไหร่ TPIS อยากจะแนะนำให้เราลองเช่าดูก่อน ไม่ว่าจะเป็นเช่าบ้าน เช่าคอนโด หรือ เช่ารถ เมื่อเราลองเช่าใช้ไปสักพักจนเราได้คำตอบ ค่อยซื้อบ้านหรือซื้อรถที่เป็นของเราเองก็ไม่สาย แต่เมื่อซื้อรถเป็นของตัวเองเมื่อไหร่อย่าลืมTPIS นะครับสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดประกันภัยรถยนต์และประกันสินเชื่อรถยนต์เพิ่มได้ที่ www.tripetchinsurance.com นะครับขอบคุณครับ