รายได้ไม่แน่นอน ควรทำประกันชีวิตแบบไหนเพื่อคนในครอบครัว

รายได้ไม่แน่นอน ควรทำประกันชีวิตแบบไหนเพื่อคนในครอบครัว

ในยุคที่ทั่วโลกต้องเจอกับสภาพเศรษฐกิจที่มีความผันผวนอย่างต่อเนื่อง การมีรายได้ที่ไม่แน่นอนกลายเป็นปัญหาที่หลายครอบครัวต้องเผชิญ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่ทำอาชีพอิสระหรือฟรีแลนซ์ รวมถึงเจ้าของธุรกิจในระยะเริ่มต้นที่รายได้ยังไม่คงที่ การบริหารการเงินในสถานการณ์เช่นนี้จึงกลายเป็นสิ่งสำคัญเพื่อความสุขของทั้งตัวเองและคนในครอบครัว โดยไม่เพียงแต่ต้องคำนึงถึงค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนเท่านั้นแต่ยังต้องมีการเตรียมตัวเพื่อรองรับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันในอนาคตอีกด้วย มีหลายวิธีที่ช่วยวางแผนทางการเงินเพื่อเสริมสภาพคล่องได้แม้ว่าคุณจะมีรายได้ไม่แน่นอน หนึ่งในวิธีที่มีความเสี่ยงต่ำคือการทำประกันชีวิต แม้ว่าค่าเบี้ยจะเป็นรายจ่ายประจำ แต่การเลือกประกันสำหรับคนที่มีรายได้ไม่แน่นอนก็เป็นสิ่งที่ทำได้ไม่ยาก

ทำรายรับ-รายจ่ายในครอบครัว

การจะทำประกันชีวิตในทุกรูปแบบ ไม่ว่าคุณจะมีรายได้แน่นอนหรือไม่ สิ่งสำคัญที่สุดคือค่าเบี้ยประกันที่จ่ายไหว เพราะค่าเบี้ยประกันถือเป็นรายจ่ายผูกพันระยะยาว (ยกเว้นคุณจะเลือกทำประกันชีวิตแบบชำระเบี้ยเป็นเงินก้อนในครั้งเดียว) สำหรับครอบครัวที่มีรายได้ไม่แน่นอน การคำนวณหาค่าเบี้ยประกันที่จ่ายไหวยิ่งมีความสำคัญเพื่อป้องกันการจ่ายเบี้ยไม่ไหว ซึ่งจะทำให้เสียสิทธิ์ในการได้รับความคุ้มครอง วิธีการคำนวณที่ดีซึ่งทุกคนนำไปใช้ได้คือการทำบัญชีรายรับรายจ่ายในครอบครัว มีขั้นตอนคือ

  • ประเมินรายรับ ควรเริ่มต้นด้วยการประเมินรายได้ที่มีอยู่ในแต่ละเดือนหรือแต่ละปี แม้ว่ารายได้จะไม่สม่ำเสมอก็ตาม ควรทำการคำนวณโดยเฉลี่ยจากรายได้ที่ได้รับในช่วงเวลาหนึ่ง เช่น ในช่วง 6 เดือน หรือ 1 ปี เพื่อให้ทราบในเบื้องต้นว่าเรามีรายได้ประมาณปีละหรือเดือนละเท่าไหร่
  • สำรวจรายการค่าใช้จ่ายประจำและภาระหนี้สิน ต่อมาควรทำการประเมินค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ซึ่งรายการค่าใช้จ่ายส่วนนี้คือสิ่งที่ต้องจ่ายประจำ ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เช่นค่าเช่าบ้าน , ค่าผ่อนรถ , ค่าอาหาร ฯลฯ เมื่อผ่านสองส่วนนี้แล้ว เราจะรู้ได้ว่ามีเงินเหลือประมาณเท่าไหร่
  • ตรวจสอบรายจ่ายที่ไม่จำเป็น เช็คดูว่าเรามีสิ่งที่จ่ายไปโดยไม่จำเป็นหรือไม่ (เช่น การซื้อของฟุ่มเฟือยต่าง ๆ ) รายจ่ายส่วนนี้ไม่ได้บอกว่าควรตัดออกไปแบบ 100% แต่ควรจ่ายเมื่ออยู่ในภาวะที่สามารถทำได้เท่านั้น
  • ตั้งเป้าหมายเงินออม เมื่อผ่านการประเมินรายรับรายจ่ายทั้งสามส่วนแล้ว จะทำให้รู้ว่าเรามีเงินเหลือสำหรับการออมเป็นจำนวนเท่าไหร่ จากนั้นจึงกำหนดได้ว่าจะนำเงินไปออมในรูปแบบไหนดี หากต้องการทั้งความคุ้มครองชีวิตและผลตอบแทนในระยะยาวก็ต้องไปมองหาประกันชีวิตที่เหมาะกับตัวเองและครอบครัว
วิธีเลือกวงเงินคุ้มครองที่จ่ายไหวและไม่เป็นภาระรายเดือน

วิธีเลือกวงเงินคุ้มครองที่จ่ายไหวและไม่เป็นภาระรายเดือน

อย่างที่ได้บอกไปแล้วว่าสำหรับคนที่มีรายได้ไม่แน่นอน เมื่อตัดสินใจทำประกันชีวิต สิ่งสำคัญก็อยู่ที่ว่าจะทำยังไงให้จ่ายค่าเบี้ยไหวตลอดอายุสัญญาเพื่อให้ได้รับความคุ้มครองตามสิทธิ์ที่ควรจะได้รับ ซึ่งวิธีที่ทำได้คือการเลือกวงเงินคุ้มครองที่เหมาะสม โดยใช้ 3 เทคนิคต่อไปนี้

1.คำนึงถึงความคุ้มครองสำหรับผู้ที่เป็นเสาหลักของครอบครัว ในครอบครัวที่มีรายได้ไม่แน่นอน หากต้องเลือกความคุ้มครองที่เหมาะสม เสาหลักของครอบครัว (เช่น พ่อแม่หรือผู้ที่เป็นผู้มีรายได้หลักดูแลคนในครอบครัว) ควรได้รับความคุ้มครองในวงเงินที่เพียงพอเพื่อทดแทนรายได้ที่หายไปในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุหรือการเสียชีวิต ด้วยการทำแบบนี้ หากเกิดอะไรขึ้น สมาชิกคนอื่นในครอบครัวจะยังมีเงินก้อนเพื่อให้ใช้ชีวิตต่อไปได้ นอกจากนี้ในกรณีที่เสาหลักของครอบครัวต้องทำงานที่มีความเสี่ยง อาจเลือกประกันชีวิตที่ให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลด้วย เพื่อเป็นตัวช่วยเอาไว้จัดการค่ารักษาหากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น

2. เลือกจากความสามารถในการจ่ายเบี้ย ควรเลือกวงเงินคุ้มครองที่เหมาะสมกับรายได้ที่มีอยู่ในปัจจุบัน เช่น หากรายได้ไม่แน่นอน ควรเลือกแผนประกันชีวิตที่มีเบี้ยประกันที่ไม่สูงจนเกินไป เพื่อไม่ให้เป็นภาระทางการเงินในระยะยาว เทคนิคที่เป็นไปได้คือการทำประกันอย่างพอดี ให้การจ่ายเบี้ยประกันอยู่ในจุดที่ไม่ทำให้ตัวเองและครอบครัวเดือดร้อน ซึ่งก็ต้องย้อนกลับไปสู่การทำบัญชีรายรับรายจ่ายเพื่อให้รู้ว่าจ่ายเบี้ยได้ประมาณเท่าไหร่

3. เลือกแผนประกันชีวิตที่มีระยะเวลาในการชำระเบี้ยที่ยืดหยุ่น ในกรณีที่มีรายได้ไม่แน่นอน ควรเลือกแผนประกันชีวิตที่มีระยะเวลาในการชำระเบี้ยประกันที่ยืดหยุ่น เช่น การเลือกแผนที่สามารถปรับเปลี่ยนเบี้ยประกันได้ตามสถานการณ์ หรือแผนประกันชีวิตที่สามารถเลือกชำระเบี้ยได้ตามงบประมาณในแต่ละเดือน

วิธีเลือกประกันชีวิตแบบ คนที่มีรายได้ไม่สม่ำเสมอ

วิธีเลือกประกันชีวิตแบบ คนที่มีรายได้ไม่สม่ำเสมอ

สำหรับคนที่มีรายได้ไม่สม่ำเสมอ การเลือกประเภทของประกันชีวิตที่เหมาะสมเป็นเรื่องสำคัญ เนื่องจากการมีรายได้ไม่แน่นอนอาจทำให้การชำระเบี้ยประกันเป็นเรื่องที่ยากขึ้น ดังนั้นควรเลือกประกันชีวิตที่ตอบโจทย์ความต้องการและสามารถจ่ายเบี้ยประกันได้ตลอดอายุสัญญา และควรเลือกการชำระเบี้ยประกันแบบรายปี เพราะจะทำให้รวบรวมเงินได้ง่ายที่สุด

สำหรับคำถามว่าควรเลือกประกันแบบไหนดี คำตอบขึ้นอยู่กับว่าคุณต้องการความคุ้มครองแบบไหน หากต้องการประกันชีวิตที่เบี้ยไม่สูงมากและความคุ้มครองในระยะสั้น ประกันแบบชั่วระยะเวลาหนึ่ง (Term Life Insurance) ก็คือตัวเลือกที่เหมาะกับคุณ แต่หากจ่ายค่าเบี้ยประกันได้ในระยะยาว และต้องการประกันที่ให้ความคุ้มครองชีวิตในอนาคต ก็ต้องเลือกประกันสะสมทรัพย์ และสุดท้ายคือประกันควบการลงทุนหรือ Unit Linked Insurance ซึ่งจะเหมาะกับคนที่แม้ว่ารายได้ไม่แน่นอน แต่ก็ต้องการได้ทั้งโอกาสลงทุนและความคุ้มครองชีวิต

แม้ว่ารายได้ไม่แน่นอน แต่หากมีการวางแผนอย่างเป็นระบบด้วยการทำบัญชีรายรับรายจ่าย อย่างเป็นระบบ และทราบว่าตัวเราสามารถจ่ายเบี้ยประกันได้เท่าไหร่ จากนั้นทำทุกอย่างให้ได้ตามแผนที่วางไว้ โอกาสในการทำประกันชีวิตเพื่อความมั่นคงของตัวเองและครอบครัวก็จะเป็นเสมือนหลักประกันให้ทุกคนได้อุ่นใจ

ถ้าคิดถึงเรื่องประกัน TPIS ตรีเพชรอินชัวรันส์ โบรกเกอร์ประกันภัย เป็นที่ปรึกษาด้านประกันภัยรถยนต์ ประกันการเดินทาง และประกันด้านสุขภาพ