ค่ารักษาโรคร้ายแรงแพงแค่ไหน ทำไมควรมีประกันสุขภาพ

การใช้ชีวิตในปัจจุบันที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบทำให้หลายคนดูแลตัวเองน้อยลง เช่น ออกกำลังกายน้อยลง พักผ่อนไม่เพียงพอ กินอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ และต้องเสี่ยงภัยกับมลพิษ ทั้งหมดนี้เป็นปัจจัยก่อให้โรคร้ายแรง เช่น มะเร็ง , โรคหัวใจ , โรคหลอดเลือดสมอง ฯลฯ เรื่องนี้เป็นภัยเงียบที่เข้ามาใกล้ตัวเรามากขึ้น โรคเหล่านี้แม้ว่าอาการจะต่างกัน แต่สิ่งที่เหมือนกันคือค่ารักษาพยาบาลสูงมากและต้องใช้การรักษาอย่างต่อเนื่อง หากต้องเผชิญกลายเป็นผู้ป่วยโรคร้ายแรงเท่ากับว่าเจอทั้งวิกฤตด้านสุขภาพและการเงิน แต่หากมีประกันโรคร้ายแรง ปัญหาที่เกิดขึ้นก็จะอยู่ในระดับที่สามารถรับมือได้
ค่าใช้จ่ายสำหรับโรคร้ายแรง เช่น มะเร็ง หัวใจ เบาหวาน

มีหลายโรคที่จัดอยู่ในกลุ่มโรคร้ายแรง แต่โรคที่เกิดขึ้นกับคนไทยจำนวนมากคือ มะเร็ง , โรคหัวใจ และเบาหวาน ซึ่งทุกโรคที่กล่าวมาจำเป็นต้องรักษาอย่างต่อเนื่องซึ่งค่าใช้จ่ายจำนวนมาก ต่อไปนี้คือประมาณการค่ารักษาพยาบาลของบางกลุ่มโรค
1. มะเร็ง
ค่าใช้จ่ายในการรักษามะเร็งจะขึ้นอยู่กับระยะและความร้ายแรงของโรค จุดที่เป็นมะเร็งและวิธีการรักษา มะเร็งที่ผ่าตัดได้ เช่น มะเร็งเต้านม จะมีค่ารักษาเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 120,000 บาท สำหรับการรักษาด้วยยามุ่งเป้า หรือ Targeted Therapy จนครบโปรแกรมอาจสูงถึงหลักล้านบาทเลยทีเดียว ส่วนการรักษาด้วยเคมีบำบัดจะมีราคาอยู่ที่ครั้งละ 50,000 – 100,000 บาท ซึ่งต้องทำหลายครั้ง ดังนั้นค่ารักษาก็อาจพุ่งไปถึงหลักล้านบาทได้เช่นกัน
2. โรคเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือดสมอง
ค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจจะอยู่ที่ประมาณ 1,200,000 – 1,500,000 บาท ส่วนค่าผ่าตัดบายพาสหัวใจ (CABG) อยู่ที่ประมาณ 300,000 – 800,000 บาท ซึ่งยังไม่รวมค่าการฟื้นตัวหลังการรักษารวมถึงค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่จะเกิดขึ้นระหว่างการรักษา สำหรับค่ารักษาโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) หากต้องมีกระบวนการฟื้นฟู ก็อาจสูงถึง 1,000,000 บาทขึ้นไป
3. โรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง
แม้ว่าโรคเบาหวานอาจดูเหมือนไม่รุนแรง แต่หากปล่อยไว้โดยไม่ควบคุมก็สามารถนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงจนทำให้ต้องเข้ารับการรักษาตลอดชีวิต โดยค่ายาและอินซูลินต่อเดือนอยู่ที่ประมาณ 3,000 – 10,000 บาท แต่หากร้ายแรงไปจนถึงขั้นเป็นโรคไต ก็จะต้องฟอกไต ซึ่งต้องทำสัปดาห์ละ 2 – 3 ครั้ง และทุกครั้งมีค่าใช้จ่าย โดยขึ้นอยู่กับโรงพยาบาลที่เลือกไปฟอกไต
ประกันสุขภาพช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายอย่างไร
ประกันสุขภาพทั่วไป จะช่วยคุ้มครองค่าห้องพัก , ค่าแพทย์ , ค่าผ่าตัด และค่ารักษาพยาบาลสำหรับโรคพื้นฐาน โดยมีทั้งแบบแยกจ่ายตามรายการการรักษาและแบบเหมาจ่ายรายครั้งตามวงเงินที่ระบุไว้ แต่ประกันโรคร้ายแรงจะให้เงินก้อนเมื่อได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคร้ายแรง หรือที่เรียกง่าย ๆ ว่าประกันแบบ “เจอ จ่าย จบ” ด้วยเหตุนี้เองการมีประกันสุขภาพที่คุ้มครองโรคร้ายแรงจึงช่วยจัดการค่าใช้จ่ายหลายส่วนให้คุณได้ ดังนี้
ตัวอย่างกรณีศึกษาของผู้ที่ได้รับความคุ้มครองจากประกัน

- คุณเอ อายุ 45 ปี เป็นเสาหลักของครอบครัว แต่วันหนึ่งถูกตรวจพบว่าเป็นมะเร็งปอดในระยะที่ยังรักษาได้ เขาทำประกันมะเร็งเอาไว้ตั้งแต่อายุ 40 ปี จึงได้รับเงินก้อน 2,000,000 บาท ด้วยการจ่ายเบี้ยเพียงปีละ 12,000 บาท และสมัครทำประกันตอนที่เบี้ยคงที่ตลอดอายุ 5 ปีแรก ทั้งหมดนี้คุณเอจึงได้รับการรักษาโดยไม่ต้องนำเงินออมมาใช้ หมายความว่าการรักษาไม่ส่งผลกระทบกับฐานะทางการเงินของครอบครัว
- คุณบี ถูกตรวจพบว่าเป็นโรคเส้นเลือดหัวใจตีบอย่างรุนแรง ซึ่งแพทย์แนะนำให้ทำการผ่าตัดบายพาส แม้ว่าเธอจะมีเงินออมอยู่มากพอสมควร แต่ก็รู้สึกว่าอยากนำเงินนั้นไปลงทุนเพื่อสร้างความมั่นคงให้กับครอบครัวมากกว่า โชคดีที่เธอทำประกันโรคร้ายแรงเอาไว้ตั้งแต่อายุ 45 ปี โดยจ่ายเบี้ยปีละ 12,000 บาท (เฉลี่ยเพียงเดือนละ 1,000 บาท) เมื่อตรวจพบว่าเป็นโรคร้าย จึงได้รับเงิน 1,000,000 บาท ค่ารักษาทั้งหมดสามารถเบิกและเพียงพอต่อการรักษาโรคโดยไม่ต้องควักเงินตัวเองเพิ่ม
นอกจากพฤติกรรมในการใช้ชีวิตที่ทำให้เราเสี่ยงกับโรคร้ายแรงมากขึ้นแล้ว ยังมีการประเมินอีกว่าภาวะเงินเฟ้อจะทำให้ค่ารักษาพยาบาลสูงขึ้น มีการประเมินว่าค่ารักษา 1 ล้านบาทในตอนนี้อาจกลายเป็น 2.3 ล้านในอีกสิบปีข้างหน้า การเตรียมพร้อมรับความเสี่ยงจึงเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งประกันสุขภาพที่คุ้มครองกลุ่มโรคร้ายสามารถเข้ามาจัดการกับความเสี่ยงนี้ให้คุณได้
ถ้าคิดถึงเรื่องประกัน TPIS ตรีเพชรอินชัวรันส์ โบรกเกอร์ประกันภัย เป็นที่ปรึกษาด้านประกันภัยรถยนต์ ประกันการเดินทาง และประกันด้านสุขภาพ