โรคซึมเศร้าอาการเป็นอย่าง พร้อมวิธีสังเกต และวิธีดูแล
โรคซึมเศร้า เป็นโรคยอดฮิตที่สามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย เพราะสภาพเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนไป รวมถึงปัจจัยภายในอีกหลายด้านทำให้ผู้ป่วยมีอาการซึมเศร้าเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นเราจึงต้องเรียนรู้วิธีสังเกตอาการ , การดูแลตนเองหรือผู้ป่วย รวมถึงแนวทางการรักษาโรคซึมเศร้าอย่างเข้าใจ ทั้งนี้เพื่อให้สามารถดูแลตัวเองหรือคนใกล้ชิดได้อย่างเหมาะสม
โรคซึมเศร้า (Depression) คืออะไร
โรคซึมเศร้า (Depression) คือ อาการผิดปกติทางอารมณ์ทำให้เกิดความเศร้าซึม เฉยชา ไม่สนใจสิ่งรอบข้าง ไม่ยินดียินร้าย ส่งผลกระทบต่อความรู้สึกนึกคิดและพฤติกรรมของผู้ป่วย รวมถึงทำให้เกิดปัญหาต่อการใช้ชีวิตประจำวัน หากปล่อยไว้จนอาการรุนแรงอาจทำให้ใช้ชีวิตลำบาก ส่งผลต่อสุขภาพจิต หรือถึงขั้นคิดฆ่าตัวตาย
โรคซึมเศร้าไม่ใช่ความเครียด ความเศร้า หรือความวิตกกังวลที่เกิดขึ้นชั่วครั้งชั่วคราวแล้วหายไปได้เอง แต่อาการต่าง ๆ เหล่านี้เกิดขึ้นเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง การรักษาโรคซึมเศร้าต้องใช้เวลา ความสม่ำเสมอ และความเข้าใจจากคนรอบข้าง หากผู้ป่วยเข้ารับการรักษาและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดก็จะช่วยให้อาการดีขึ้นและกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข
อาการของโรคซึมเศร้า
อาการของโรคซึมเศร้ามีหลายอย่าง สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งอาการทางร่างกายและอาการทางจิต มีอาการทั่วไป ดังนี้
อาการซึมเศร้าอาจแตกต่างกันไปตามช่วงอายุ ในเด็กและวัยรุ่นอาจทำให้เด็กที่ป่วยมีพฤติกรรมติดพ่อแม่ , รู้สึกหงุดหงิดง่าย , รำคาญสิ่งรอบตัว , วิตกกังวล , เครียด , มองโลกในแง่ร้าย , ไม่เข้าสังคม ส่งผลต่อการเรียนและสุขภาพ บางรายอาจใช้สารเสพติดหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ส่วนอาการในวัยผู้ใหญ่และผู้สูงอายุสามารถพบได้บ่อย คือ พฤติกรรมเปลี่ยนไป , สมาธิและความจำถดถอยลง , อ่อนเพลีย , เหนื่อยง่าย , เบื่ออาหาร , หมดความสนใจเรื่องเพศสัมพันธ์แม้จะยังอยู่ในวัยเจริญพันธุ์ , มีอาการเจ็บปวดตามร่างกาย และมักคิดเรื่องการฆ่าตัวตายอยู่บ่อยครั้งด้วย
สาเหตุและปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคซึมเศร้า
สาเหตุที่แท้จริงของโรคซึมเศร้าไม่ปรากฏแน่ชัด แต่อาจเกิดขึ้นได้จากปัจจัยต่อไปนี้
วิธีการดูแลสุขภาพจิตและแนวทางการรักษา
โรคซึมเศร้าสามารถรักษาได้หากเรียนรู้ เข้าใจ และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด โดยผู้ป่วยสามารถดูแลตัวเองเบื้องต้นได้ ดังนี้
1. ออกกำลังกายเป็นประจำ
การออกกำลังกายทำให้ร่างกายหลังสารเอ็นดอร์ฟิน (Endorphin) หรือสารแห่งความสุข ซึ่งเปรียบเสมือนมอร์ฟีนตามธรรมชาติ ช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวด ลดความเครียด มีส่วนช่วยปรับอารมณ์ให้ดีขึ้น กระตุ้นให้เกิดความสุข ความพึงพอใจ ทำให้สุขภาพกายและใจแข็งแรงไปพร้อมกัน
2. นอนหลับอย่างมีคุณภาพ
การนอนอย่างมีคุณภาพคือการเข้านอนด้วยความสุข สงบ ในบรรยากาศที่ผ่อนคลาย เพื่อให้สามารถนอนหลับได้สนิทในระยะเวลาที่เหมาะกับช่วงวัย โดยช่วงอายุ 6 – 12 ปี ควรนอน 9 – 12 ชั่วโมง / ช่วงอายุ 13 – 18 ปี ควรนอน 8 – 10 ชั่วโมง และวัยผู้ใหญ่ควรนอน 7 – 9 ชั่วโมง
3. กินอาหารที่มีประโยชน์
เลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ลดอาหารทอด , มัน , เค็ม และอาหารรสจัด รวมถึงกินอาหารให้หลากหลายครบ 5 หมู่ เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหาร , วิตามิน และแร่ธาตุต่าง ๆ อย่างเพียงพอ
4. หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
แอลกอฮอล์มีฤทธิ์กดประสาท การดื่มแอลกอฮอล์ส่งผลให้สมาธิ การรับรู้ และความสามารถในการตัดสินใจลดลง อาจกระตุ้นให้อาการซึมเศร้ารุนแรงขึ้น
5. ใช้เวลากับเพื่อน ครอบครัว หรือคนรัก
เปิดใจพูดคุยกับเพื่อน คนรัก และคนในครอบครัว ใช้เวลาอย่างมีคุณภาพเพื่อทำกิจกรรมร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นการกินอาหารร่วมกัน , การเล่นเกม , ทำงานอดิเรก หรือแม้แต่ช่วยกันทำงานบ้านในวันหยุด หากรู้สึกว่าภาวะซึมเศร้ากำเริบ อย่ากลัวหรือลังเลที่จะขอความช่วยเหลือจากคนใกล้ตัวของเรา
ส่วนการรักษาทางการแพทย์ ปัจจุบันมีแนวทางที่ได้รับความนิยม ดังนี้
1. การรักษาแบบจิตบำบัด
การรักษาแบบจิตบำบัดคือการพูดคุยกับจิตแพทย์หรือนักบำบัดผู้มีความเชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตโดยเฉพาะ การพูดคุยจะช่วยให้ผู้ป่วยสามารถระบุพฤติกรรมเสี่ยงที่ส่งผลกระทบต่ออาการซึมเศร้า และสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมดังกล่าวได้อย่างเข้าใจ รวมถึงช่วยสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้ผู้มีภาวะซึมเศร้าได้ทำความเข้าใจอารมณ์ ความคิด ความรู้สึกของตัวเอง เพื่อหาแนวทางการรักษาด้านอื่นควบคู่กันไปอย่างเหมาะสม
2. การกินยา
ภาวะซึมเศร้า สามารถรักษาและบรรเทาอาการให้ดีขึ้นได้ด้วยการกินยาตามใบสั่งแพทย์ที่เรียกว่า ‘ยาต้านอาการซึมเศร้า’ ยาประเภทนี้จะช่วยเปลี่ยนสารเคมีในสมองที่ส่งผลให้เกิดภาวะซึมเศร้าได้ อย่างไรก็ตามยาต้านซึมเศร้ามีหลายประเภท จึงไม่ควรซื้อยากินเอง แต่ควรกินยาตามแพทย์สั่งเพื่อให้ได้รับยาที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคลมากที่สุด
3. การแพทย์ทางเลือก
ผู้ป่วยบางรายอาจเลือกใช้การแพทย์ทางเลือกร่วมกับการแพทย์แผนปัจจุบัน เช่น การฝังเข็ม , การนวดแผนไทย เป็นต้น
4. การกระตุ้นคลื่นไฟฟ้าสมอง
การบำบัดด้วยการกระตุ้นคลื่นไฟฟ้าสมองสามารถรักษาผู้ที่มีอาการซึมเศร้ารุนแรงหรือภาวะซึมเศร้าจนส่งผลกระทบทางจิตให้อาการบรรเทาลงได้ อย่างการบำบัดด้วยไฟฟ้ากระตุ้น (ECT) , การกระตุ้นแม่เหล็กผ่านกะโหลกศีรษะ (TMS) และการกระตุ้นเส้นประสาทเวกัส (VNS) โดยแพทย์จะเป็นผู้หาแนวทางการรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละคน
โรคซึมเศร้าส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตและจิตใจ แต่สามารถรักษาได้หากมีความเข้าใจภาวะที่เกิดขึ้นและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างสม่ำเสมอ ที่สำคัญการดูแลตัวเองเบื้องต้นก็เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ภาวะซึมเศร้าทุเลาลง ส่งผลให้ผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมีความสุข
ถ้าคิดถึงเรื่องประกัน TPIS ตรีเพชรอินชัวรันส์ โบรกเกอร์ประกันภัย เป็นที่ปรึกษาด้านประกันภัยรถยนต์ ประกันการเดินทาง และประกันด้านสุขภาพ