ทำประกันสุขภาพ หรือ ประกันโรคร้ายแรงดีกว่า?

ทำประกันสุขภาพ หรือ ประกันโรคร้ายแรงดีกว่า?

การทำประกันสุขภาพเป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญ อย่างน้อยหากเราต้องเกิดเจ็บป่วยจะได้มีความคุ้มครองในการรักษาพยายาลโดยไม่ต้องกังวล แต่เราจะเลือกอย่างไรให้เหมาะกับเรา มีอะไรบ้างที่ต้องนำมาพิจารณาก่อนตัดสินใจซื้อ

ประกันสุขภาพ และโรคร้ายแรง คืออะไร

ประกันทั้งสองแบบ ต่างก็มีวัตถุประสงค์ในการคุ้มครองความเจ็บป่วย แต่จะต่างกันตรงที่ประกันสุขภาพทั่วไปนั้นจะคุ้มครองอาการเจ็บป่วยโดยทั่วไป แต่ประกันโรคร้ายแรงจะเน้นไปในการคุ้มครองความเจ็บป่วยโรคที่ร้ายแรงส่งผลต่อชีวิต

ประกันสุขภาพ คือ

ประกันสุขภาพคือประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองสำหรับค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลจากอาการเจ็บป่วยที่เกิดจากโรคภัยไข้เจ็บ อาการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ ทั้งจากอาการเจ็บป่วยเล็กน้อยไปจนถึงการต้องพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล โดยแบ่งได้ 2 ประเภท ดังนี้

ประกันสุขภาพ

1.ประกันสุขภาพกลุ่ม

เป็นลักษณะการทำประกันที่บริษัทหรือองค์กรต่าง ๆ มีให้กับพนักงานและบุคลากรภายใน โดยจะเป็นสวัสดิการคุ้มครองค่ารักษาพยาบาล ซึ่งเงื่อนไขความคุ้มครองแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับแต่ละองค์กร ข้อดีคือเบี้ยประกันที่พนักงานต้องจ่ายจะมีราคาถูก เนื่องจากมีการเฉลี่ยกันทั้งองค์กร

2.ประกันสุขภาพส่วนบุคคล

เป็นการซื้อประกันสุขภาพที่ผู้ทำประกันสามารถเลือกและกำหนดเงื่อนไขได้ตามความต้องการและความเหมาะสม ซึ่งค่าเบี้ยประกันนั้นขึ้นอยู่กับอายุและเพศของผู้ทำประกัน รวมถึงความคุ้มครองที่จะระบุไว้ในกรมธรรม์

ข้อดี

1.ไม่ต้องกังวลเรื่องค่ารักษาพยาบาล เพราะมีวงเงินคุ้มครองการรักษาอยู่ ไม่กระทบต่อสถานะทางการเงิน หรือเงินเก็บ
2.มีทางเลือกในการรักษาพยาบาลที่หลากหลาย เพราะสามารถเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลได้หลายแห่งตามที่มีระบุเอาไว้ในกรมธรรม์ ทั้งโรงพยาบาลของรัฐและโรงพยาบาลเอกชน
3.สำหรับประกันสุขภาพบางประเภทยังมีความคุ้มครองในกรณีทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง หรือเสียชีวิตด้วย
4.การทำประกันสุขภาพสามารถนำไปยื่นของลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปีได้

ข้อเสีย

1.การทำประกันสุขภาพถือเป็นการประกันความเสี่ยงในอนาคต ซึ่งหากเราไม่เจ็บป่วยจนต้องเข้ารับการรักษาพยาบาล ก็ไม่สามารถขอรับเงินคืนจากการจ่ายเบี้ยประกันคืนได้
2.ค่าเบี้ยประกันที่ต้องจ่าย มีเงื่อนไขมาจากการพิจารณาด้าน อายุ เพศ ซึ่งหากมีอายุมาก ค่าเบี้ยประกันที่ต้องจ่ายก็สูงกว่า เป็นต้น
3.ต้องมีการตรวจสุขภาพอย่างละเอียดก่อนทำประกัน และหากทำประกันแล้วป่วยเป็นโรคที่ไม่ได้ระบุไว้ในความคุ้มครองก็ต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลเอง ซึ่งหากต้องการให้มีความคุ้มครองโรคที่ร้ายแรงด้วย ก็ต้องจ่ายเงินค่าเบี้ยประกันเพิ่มขึ้น

ประกันสุขภาพโรคร้ายแรง คือ

ประกันสุขภาพโรคร้ายแรง

ประกันสุขภาพโรคร้ายแรง คือ ประกันที่ให้ความคุ้มครองเพิ่มเติมจากประกันสุขภาพแบบปกติ โดยจะคุ้มครองโรคที่มีความร้ายแรงที่แพทย์วินิจฉัย ดังนี้

  • โรคมะเร็งทั้งระยะไม่ลุกลามและระยะลุกลาม
  • โรคที่เกี่ยวกับระบบประสาท เช่น หลอดเลือดสมองโป่งพอง , สมองเสื่อมชนิดอัลไซเมอร์ , พาร์กินสัน รวมถึงอาการโคม่า
  • โรคที่เกี่ยวกับระบบหัวใจและหลอดเลือด เช่น หลอดเลือดสมองแตก , หลอดเลือดอุดตัน , กล้ามเนื้อหัวใจตาย , หลอดเลือดหัวใจตีบ
  • โรคที่เกี่ยวกับการล้มเหลวของอวัยวะภายใน เช่น หลอดลมปอดอุดกั้นเรื้อรังขั้นรุนแรง , โรคปอดระยะสุดท้าย , ไตวายเรื้อรัง

ข้อดี

1.การจ่ายเบี้ยประกันมีราคาถูกเมื่อเทียบกับความคุ้มครองที่ได้รับ เพราะหากเราเป็นโรคที่ร้ายแรงจะต้องมีค่ารักษาพยาบาลที่สูง ดังนั้นถือเป็นความคุ้มค่าที่จะจ่ายเบี้ยเพื่อรับความคุ้มครองโรคร้ายแรง
2.ไม่ต้องกังวลกับค่าใช้จ่ายในการรักษา เพราะมีความคุ้มครองจากกรมธรรม์ ไม่ต้องห่วงว่าจะไม่มีเงินรักษา หรือไม่ต้องกังวลว่าเงินเก็บที่มีจะไม่เพียงพอต่อค่ารักษา เพราะประกันสุขภาพร้ายแรงให้การคุ้มครองทั้งหมด
3.สร้างความอุ่นใจและได้รับโอกาสในการรักษาที่ดีขึ้น ซึ่งสามารถเลือกโรงพยาบาลที่มีระบุเอาไว้ในกรมธรรม์ได้ ซึ่งล้วนแต่เป็นโรงพยาบาลชั้นนำที่มีความพร้อมในการรักษาโรคร้ายแรง
4.การทำประกันสุขภาพโรคร้ายแรงสามารถนำไปลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปีได้

ข้อเสีย

1.ประกันสุขภาพโรคร้ายแรงออกแบบมาให้คุ้มครองเฉพาะการเจ็บป่วย หากเราไม่มีอาการเจ็บป่วย ก็จะไม่ได้รับเงินคืนจากกรมธรรม์ หรือเรียกว่าเป็นเบี้ยจ่ายทิ้ง
2.เบี้ยประกันขึ้นอยู่กับ อายุ เพศ หากทำประกันตั้งแต่อายุน้อย จะมีเบี้ยประกันที่ถูกกว่าการทำประกันเมื่อมีอายุมาก เพราะมีความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยมากกว่า

เลือกยังไงให้เหมาะกับเรา

1.เลือกเบี้ยประกันจากรายได้ จะได้ไม่ต้องจ่ายค่าเบี้ยมากเกินไป แม้วงเงินที่ได้รับความคุ้มครองจะไม่สูง แต่เพียงแค่ให้ครอบคลุมในส่วนของค่ารักษาพยาบาล ค่าห้องพักขณะรักษาตัวก็ถือว่ายังดีกว่าต้องจ่ายค่ารักษาเอง
2.ประเมินความเสี่ยงของตัวเอง เช่น ลักษณะการทำงานที่มีความเสี่ยงต่อโรคภัยไหม? , คนในครอบครัวมีประวัติเจ็บป่วยที่สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมไหม? จะได้เลือกซื้อประกันสุขภาพที่เหมาะกับตัวเองมากที่สุด
3.เลือกจากโรงพยาบาลที่ต้องการ ซึ่งจะมีระบุเอาไว้ในกรมธรรม์ เพราะการที่เราสามารถเลือกโรงพยาบาลในการรักษาได้ด้วยตัวเอง จะทำให้เกิดความสะดวกสบายและอุ่นใจในการรักษามากขึ้น

เลือกเบี้ยประกันอย่างไร

การเลือกเบี้ยประกันนั้นควรพิจารณาจากรายได้ของเราในขณะนั้นว่าสามารถจ่ายได้แค่ไหน โดยไม่ควรเกิน 5-10 % ของรายได้ เพราะหากเราจ่ายเบี้ยมากเกินไป อาจส่งผลให้ต้องยกเลิกกรรมธรรม์เพราะจ่ายไม่ไหว จะกลายเป็นว่าที่จ่ายไปแล้วก็สูญเปล่าและยังสิ้นสุดความคุ้มครองด้วย

เลือกความคุ้มครองอย่างไร

ควรเลือกแผนประกันที่ให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุม เช่น วงเงินการรักษา , แผนการรักษา , โรงพยาบาลที่สามารถใช้บริการได้ , ความคุ้มครองโรคร้ายแรง , ค่าชดเชยในขณะรักษาพยาบาล เป็นต้น

การทำประกันสุขภาพนั้นมีประโยชน์ เป็นการบริหารความเสี่ยงในอนาคต ช่วยแบ่งเบาภาระเมื่อต้องเจ็บป่วย เพราะชีวิตของเรานั้นมีแต่ความไม่แน่นอน อย่ารอให้สายเกินไป

ถ้าคิดถึงเรื่องประกัน TPIS ตรีเพชรอินชัวรันส์ โบรกเกอร์ประกันภัย เป็นที่ปรึกษาด้านประกันภัยรถยนต์ ประกันการเดินทาง และประกันด้านสุขภาพ