ประกันสุขภาพต่างกับประกันชีวิตอย่างไร
ในปัจจุบัน ประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มรูปแบบแล้ว ผู้คนมีชีวิตอยู่ยาวนานขึ้น โดยสาเหตุหลักมาจากเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่เจริญก้าวหน้าขึ้น แนวโน้มนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะกับเมืองไทยเท่านั้น แต่หลายประเทศทั่วโลกก็อยู่ในสภาวะเดียวกัน เมื่อผู้คนอยู่นานขึ้น แสดงว่าชีวิตหลังเกษียณของคนส่วนใหญ่ก็ยาวนานขึ้น ด้วยเหตุนี้เองการวางแผนการเงินจึงเป็นสิ่งจำเป็น วิธีหนึ่งที่ช่วยวางแผนการเงินให้คุณได้คือการทำ ‘ประกันชีวิต’ และหากอยากอยู่นานอย่างมีความสุข เจ็บป่วยก็ได้รับการดูแลที่ดี ก็ต้องมี ‘ประกันสุขภาพ’ ร่วมด้วย .. แล้วประกันทั้งสองประเภทนี้ต่างกันอย่างไร? แบบไหนที่เหมาะกับคุณ? ไปหาคำตอบพร้อมกันได้เลยครับ!
ประกันชีวิตคืออะไร มีกี่ประเภท
ประกันชีวิต (Life Insurance) คือ การทำสัญญาทางการเงินระหว่างบุคคลในฐานะผู้เอาประกันกับบริษัทประกันภัยในฐานะผู้รับประกัน โดยผู้เอาประกันจะจ่ายเบี้ยประกันในระยะเวลาหนึ่ง (เช่น ในสัญญาระบุให้จ่ายเบี้ย 5 ปี และคุ้มครองในระยะ 10 ปี หรือคุ้มครองถึงอายุที่กำหนด) สำหรับการจ่ายเบี้ยโดยทั่วไปจะแบ่งจ่ายเป็นรายเดือน หรือรายปี ซึ่งหากผู้เอาประกันเสียชีวิต , ทุพพลภาพ หรือมีชีวิตอยู่จนครบอายุสัญญาของกรมธรรม์ ก็จะได้รับเงินก้อนจากบริษัทประกัน นอกจากนี้อาจมีรายละเอียดปลีกย่อยในสัญญา (เช่น การแบ่งจ่ายผลประโยชน์บางส่วนให้ระหว่างอายุสัญญา)
การแบ่งประเภทของประกันชีวิตไม่มีหลักตายตัว แต่ในวันนี้เราจะมาพูดถึงประกันชีวิต 4 ประเภท ซึ่งได้รับความนิยมและมีความแตกต่างกันในรายละเอียด โดยสิ่งที่ประกันทั้ง 4 ประเภท มีเหมือนกันคือเบี้ยประกันสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้
1.ประกันบำนาญ
นี่คือประกันซึ่งตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการวางแผนเพื่อการมีเงินใช้หลังวัยเกษียณ โดยลักษณะของประกันชีวิตประเภทนี้คือผู้เอาประกันจะจ่ายเบี้ยประกันตามระยะเวลาที่กำหนด และเมื่อถึงอายุที่ระบุไว้ในสัญญาก็จะเริ่มได้รับเงินบำนาญเป็นงวด ๆ จนกว่าจะเสียชีวิต หรือครบอายุสูงสุดที่รับประกัน เหมาะอย่างยิ่งกับผู้ที่ต้องการเสริมความมั่นคงให้ชีวิตหลังเกษียณ ต่อยอดจากสวัสดิการพื้นฐานที่ได้รับอยู่แล้ว
2.ประกันสะสมทรัพย์
จุดเด่นของประกันประเภทนี้ นอกจากจะได้รับความคุ้มครองชีวิตและมีเงินก้อนให้ผู้รับผลประโยชน์กรณีเสียชีวิตแล้ว ยังโดดเด่นเรื่องการออมเงิน เป็นแผนประกันซึ่งการันตีให้คุณได้เลยว่าเมื่อครบอายุสัญญา คุณจะได้รับเงินคืนในอัตราผลตอบแทนซึ่งสูงกว่าเบี้ยประกันที่จ่ายไป เหมาะกับคนที่ต้องการออมเงินและได้รับผลตอบแทนด้วยความเสี่ยงที่ต่ำกว่าการนำเงินไปลงทุนเอง
3.ประกันชีวิตตลอดชีพ
บางคนอาจเรียกประกันประเภทนี้ว่า ‘ประกันมรดก’ โดยผู้เอาประกันจะจ่ายเบี้ยในระยะเวลาหนึ่ง (เช่น 10 หรือ 20 ปี) จากนั้นประกันจะคุ้มครองอย่างยาวนาน (เช่น คุ้มครองถึงอายุ 99 ปี) โดยหากอยู่ครบอายุสัญญาก็จะได้รับทุนประกันคืน แต่หากเสียชีวิตก่อนหน้านั้น ก็จะมีเงินก้อนให้ผู้รับผลประโยชน์
4.ประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลา
จุดเด่นของประกันประเภทนี้คือค่าเบี้ยต่ำกว่าประกันชีวิตประเภทอื่น จึงเหมาะกับคนที่ต้องการรับความคุ้มครองสูงในระยะเวลาที่กำหนด สำหรับการรับเงินประกันประเภทนี้จะมีเพียงการรับเงินของผู้รับผลประโยชน์กรณีผู้เอาประกันเสียชีวิตขณะอยู่ในอายุสัญญาเท่านั้น
ประกันสุขภาพคืออะไร มีกี่ประเภท
ประกันสุขภาพ (Health Insurance) คือ ประกันที่เน้นให้ความคุ้มครองการเข้ารับการรักษาด้วยอุบัติเหตุ หรือโรคต่าง ๆ โดยมีทั้งการคุ้มครองแบบผู้ป่วยนอกหรือ OPD และการรักษาแบบผู้ป่วยในหรือ IPD ที่ต้องนอนโรงพยาบาล สิ่งที่ทำให้ประกันสุขภาพต่างจากประกันชีวิต นอกจากความคุ้มครองแล้ว ประกันสุขภาพส่วนใหญ่จะต้องทำสัญญาเป็นรายปี โดยหากปีต่อไปไม่ต้องการทำ หรือต้องการเปลี่ยนบริษัทเพื่อหาข้อเสนอที่ดีกว่า ก็ตัดสินใจได้อย่างอิสระ
สิ่งที่ประกันสุขภาพและประกันชีวิตมีเหมือนกันคือเบี้ยประกันสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ และมีเงินให้ผู้รับผลประโยชน์กรณีผู้เอาประกันเสียชีวิตขณะอยู่ในอายุสัญญา แต่หากพูดถึงเฉพาะเงินที่ผู้รับผลประโยชน์จะได้รับ ในการจ่ายเบี้ยที่ใกล้เคียงกัน ประกันชีวิตจะให้เงินกับผู้รับผลประโยชน์เป็นเงินก้อนใหญ่กว่า เพราะเน้นคุ้มครองชีวิตเท่านั้น โดยหากแบ่งประกันสุขภาพแบบง่าย ๆ จะแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ
1.ประกันสุขภาพส่วนบุคคล
เป็นสัญญาประกันซึ่งผู้เอาประกันทำกับบริษัทประกันโดยตรง ความคุ้มครองจึงอยู่เพียงแค่ผู้เอาประกันที่ทำสัญญาเท่านั้น จุดเด่นของประกันประเภทนี้คือสามารถเลือกแผนการคุ้มครองที่ตรงกับความต้องการได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะต้องการเพียงแค่ประกัน OPD ประกันที่คุ้มครองทั้ง OPD และ IPD ประกันที่เน้นคุ้มครองการรักษาพยาบาลเนื่องจากอุบัติเหตุ หรือแม้แต่ประกันคุ้มครองโรคมะเร็งรวมถึงโรคร้ายต่าง ๆ ก็สามารถเลือกทำได้
2.ประกันสุขภาพแบบกลุ่ม
ส่วนใหญ่จะเป็นประกันซึ่งบริษัทจัดให้แก่พนักงานเพื่อทำให้พนักงานมีสวัสดิการรักษาพยาบาลมากขึ้น เสริมจากสิทธิ์การรักษาขั้นพื้นฐานที่ทุกคนมีอยู่แล้ว ประกันประเภทนี้ส่วนใหญ่จะเป็นสัญญารายปีเช่นเดียวกัน
ระหว่างประกันชีวิตกับประกันสุขภาพ เลือกอะไรดี
1.เลือกประกันสุขภาพ หากคุณ :
2.เลือกทำประกันชีวิต หากคุณ :
ถึงตรงนี้ คุณได้รู้แล้วว่าประกันชีวิตและประกันสุขภาพต่างกันอย่างไร แต่ละรูปแบบเหมาะกับใคร ซึ่งถ้าคุณต้องการความคุ้มครองทั้งสองรูปแบบ (ชีวิตและสุขภาพ) ก็ไม่มีอะไรดีไปกว่าการทำประกันทั้งสองประเภทเอาไว้ โดยเลือกแผนประกันที่ให้ความคุ้มครองตอบโจทย์สิ่งที่คุณต้องการ เมื่อมีประกันทั้งสองประเภทแล้ว คุณจะมั่นใจได้เลยว่าทั้งคุณและครอบครัวจะได้รับการดูแลอย่างค่อนข้างครอบคลุม
ถ้าคิดถึงเรื่องประกัน TPIS ตรีเพชรอินชัวรันส์ โบรกเกอร์ประกันภัย เป็นที่ปรึกษาด้านประกันภัยรถยนต์ ประกันการเดินทาง และประกันด้านสุขภาพ