ประกันชีวิตลดหย่อนภาษีอย่างไร ?
อย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่าการจ่ายภาษีเป็นหน้าที่ของประชาชนทุกคน แต่รู้หรือไม่ว่าเราสามารถแบ่งเบาหน้าที่การจ่ายภาษีได้ โดยการซื้อประกันชีวิตซึ่งเป็นอีกหนึ่งวิธีที่คนไทยนิยมกันเพราะนอกจากจะลดหย่อนภาษีได้แล้วยังคุ้มครองชีวิตของเรา และคนข้างหลังอีกด้วย ว่าแต่ทำไมประกันชีวิตลดหย่อนภาษีได้ล่ะ
ทำไมประกันชีวิตลดหย่อนภาษีได้
ถ้าให้ตอบแบบสั้นๆ ก็คือรัฐบาลช่วยเหลือประชาชนในการดูแลความเสี่ยงด้วยตนเอง เพราะการทำประกันชีวิตเป็นการสร้างความมั่นคงในชีวิต และลดภาระการดูแลของรัฐบาลลงนั้นเอง ไม่ว่าจะเป็นการทำประกันชีวิตให้ตัวเองเพื่อดูแลค่าใช้จ่ายของคนรอบข้างหากเราเป็นอะไรไป
หรือทำประกันชีวิตให้พ่อแม่ หรือคนในครอบครัวก็สามารถช่วยแบ่งเบาค่าใช้จ่ายจากเหตุการณ์ไม่คาดฝันได้ นอกจากประกันชีวิตจะสามารถช่วยลดหย่อนภาษีได้แล้ว ยังเป็นตัวช่วยในการออมเอาไว้ใช้ในช่วงเกษียณได้อีกด้วย
ประกันชีวิตลดหย่อนภาษีได้อย่างบ้าง
โดยส่วนใหญ่ประกันชีวิตก็จะสามารถลดหย่อนภาษีได้ทั้งหมด โดยหลักๆ จะมีประกันชีวิตที่สามารถลดหย่อนภาษีได้ 5 ประเภท
1. ประกันชีวิตชั่วระยะเวลา (Term insurance)
สำหรับประกันชีวิตประเภทนี้ โดยส่วนใหญ่จะมีอายุความคุ้มครองสั้นๆ อยู่ที่ 3 – 10 ปี ซึ่งจะไม่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ แต่ถ้าหากประกันชีวิตชั่วระยะเวลามีอายุความคุ้มครอง 10 ปี ขึ้นไปจะสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ สูงสุด 100,000 บาท
2. ประกันชีวิตตลอดชีพ (Whole life insurance)
ประกันชีวิตตลอดชีพ เป็นประกันที่เราต้องจ่ายค่าเบี้ยเป็นระยะเวลา 10 – 20 ปี อยู่แล้ว และประกันชีวิตประเภทนี้จะคุ้มครองยาวนาน 90 – 99 ปี ดังนั้นประกันชีวิตประเภทนี้สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ โดยลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 100,000 บาท
3. ประกันชีวิต แบบสะสมทรัพย์ (Endowment / Saving Insurance)
ประกันชีวิตสะสมทรัพย์ ถือเป็นประกันชีวิตอีกหนึ่งประเภทที่ให้ความคุ้มครองยาวนาน ซึ่งผู้ทำประกันจะได้รับเงินคืนเมื่อ ครบอายุกรมธรรม์ ครบกำหนดสัญญา หรือจนกว่าจะเสียชีวิต
แล้วแต่กรมธรรม์ประกันชีวิตที่เราทำไว้ ซึ่งประกันชีวิตประเภทนี้จะสามารถลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 20% ของเบี้ยประกันชีวิตรายปี
4. ประกันชีวิตควบการลงทุน (Unit Linked, Universal Life)
ประกันชีวิตควบการลงทุน จะแบ่งเงินค่าเบี้ยประกันที่เราจ่ายออกเป็น 2 ส่วน นั้นคือส่วนที่เป็นค่าประกัน และส่วนของการลงทุน
ประกันชีวิตประเภทนี้สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้เหมือนประกันชีวิตทั่วไปซึ่งสามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 100,000 บาท แต่เงินประกันส่วนที่นำไปลงทุนนั้นจะไม่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้
5. ประกันบำนาญ (Annuity insurance)
ประกันบำนาญ ค่อนข้างเป็นประกันชีวิตที่แตกต่างจากประกันชีวิตประเภทอื่น ที่กล่าวไว้ข้างต้น โดยสามารถใช้ประกันบำนาญลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 15% ของรายได้ สูงสุด 200,000 บาท เพราะประกันบำนาญนอกจากจะคุ้มครองชีวิตแล้ว จะทยอยคืนเบี้ยประกันให้เราทุกปี
และค่าเบี้ยประกันจะค่อนข้างสูงกว่าประกันชีวิตประเภทอื่นๆ แต่ประกันบำนาญก็สามารถลดหย่อนภาษีได้มากกว่าประกันชีวิตประเภทอื่นด้วยเช่นกัน เพราะถ้าหากเรายังไม่ได้ทำประกันชีวิตประเภทอื่นที่กล่าวไปข้างต้น จะสามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 300,000 บาท
และเมื่อรวมกับ กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ และเงินสะสมกองทุนการออมแห่งชาติ สามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท
ข้อควรระวังเกี่ยวกับการใช้ประกันชีวิตลดหย่อนภาษี
- หากประกันชีวิตที่เราทำมีการจ่ายค่าเบี้ยคืน ค่าเบี้ยที่ได้รับคืนจะต้องไม่เกิน 20% ของค่าเบี้ยรายปี หรือ ค่าเบี้ยสะสมของช่วงเวลานั้น
- ประกันชีวิตลดหย่อนภาษีได้จะต้องมีระยะเวลาคุ้มครอง 10 ปีขึ้นไป
- ประกันชีวิตลดหย่อนภาษีได้ต่อเมื่อเป็นประกันชีวิตในไทยเท่านั้น
- ต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันชีวิตสม่ำเสมอ ไม่ขาดส่งเบี้ยประกัน
- เราจะสามารถขอลดหย่อนภาษีได้เฉพาะ ปีที่เราจ่ายค่าประกันชีวิตเท่านั้น
สำหรับใครอยากรู้ว่าควรซื้อประกันชีวิตประเภทไหนให้ตอบโจทย์ชีวิตหรือเช็กราคาประกันภัยรถยนต์ได้ที่ www.tripetchinsurance.com หรือ โทร. 02-792-2160 นะครับ