ประกันชีวิต ลดความเสี่ยงในชีวิตได้อย่างไร

ประกันชีวิต ลดความเสี่ยงในชีวิตได้อย่างไร

เราทุกคนล้วนมีความเสี่ยงในชีวิต ไม่ว่าจะต่างอายุ​ ต่างฐานะล้วนต้องเผชิญความเสี่ยงที่แตกต่างกันไม่ว่าจะเป็นในเรื่อง การศึกษา, การทำงาน, ความเสี่ยงด้านสุขภาพ, หรือแม้แต่อุบัติเหตุที่ไม่คาดฝัน เพราะฉะนั้นการมีประกันชีวิตจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยรับประกันความเสี่ยงได้อีกทาง เพราะประกันชีวิตมีมากกว่าการคุ้มครองแค่ชีวิต ซึ่งการมีประกันจะช่วยลดความเสี่ยงอะไรได้บ้าง​ วันนี้เรามาหาคำตอบไปพร้อมๆ​ กัน

ประกันชีวิตเครื่องมือที่ช่วยบริหารความเสี่ยงให้แก่ผู้เอาประกันภัยเมื่อเกิดเหตุ​การณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้น ​ โดยผู้เอาประกันภัยจะต้องจ่ายเบี้ยประกันภัยตามจำนวนที่ได้กำหนดไว้ในกรมธรรม์​ เพื่อเป็นการซื้อความคุ้มครองในชีวิต​ ไม่ว่าจะในกรณีการเสียชีวิต , การสูญเสียอวัยวะ​ รวมถึงการเจ็บป่วย ก็จะทำให้ได้รับเงินชดเชยตกแก่ผู้รับผลประโยชน์ที่ระบุไว้​ ซึ่งการทำประกันชีวิตมีผลประโยชน์​ที่แตกต่างกัน​ ดังนี้

1.การคุ้มครองการเงินในกรณีเสียชีวิต

หากเกิดกรณีคนในครอบครัวเสียชีวิตย่อมเป็นภาระให้กับคนที่อยู่ข้างหลัง​ ยิ่งถ้าผู้ที่เสียชีวิตเป็นเสาหลักของครอบครัว ยิ่งสร้างความกังวลให้กับสมาชิกของครอบครัวที่เหลืออยู่อย่างแน่นอน แต่หากผู้ที่เสียชีวิตได้ทำประกันชีวิตไว้​ ก็จะได้รับเงินชดเชยในกรณีที่เสียชีวิตตามที่กรมธรรม์กำหนด​ ไม่ต้องเป็นห่วงคนข้างหลังว่าจะไม่มีเงินจัดการดูแลชีวิต ถึงแม้เจ้าตัวจะไม่อยู่แล้วแต่ได้ทิ้งเงินก้อนโตไว้เพื่อดูแลคนข้างหลัง​ เป็นเงินสำรองให้ครอบครัวได้บริหารจัดการเพื่อกลับมาตั้งตัวได้

2.การคุ้มครองการเจ็บป่วยร้ายแรง

การคุ้มครองการเจ็บป่วยร้ายแรง

กรมธรรม์ประกันชีวิตกับการคุ้มครองโรคเจ็บป่วยร้ายแรง​ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่หลายคนมักจะต้องมีติดตัวเอาไว้​ เนื่องจากเราทราบกันดีอยู่แล้วว่าการเจ็บป่วยในโรคร้ายแรงต่าง ๆ​ ไม่ว่าจะเป็น​ เบาหวาน , มะเร็ง , โรคไต หรือโรคเกี่ยวกับสมอง​ จำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่องและใช้เงินเป็นจำนวนมาก​ ซึ่งหากไม่มีประกันดี ๆ​ ไว้คุ้มครองก็จะทำให้ครอบครัวต้องแบกรับค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนมาก​ เพราะฉะนั้นประกันชีวิตที่ครอบคลุมอาการเจ็บป่วยจึงเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยรองรับความเสี่ยงเพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในยามที่เจ็บ​ป่วย​หนักได้

3.การออมทรัพย์และการลงทุน

การจ่ายเบี้ยประกันชีวิตยังถือเป็นหนึ่งในรูปแบบการออมทรัพย์ เนื่องจากผู้เอาประกันภัยจะต้องทยอยชำระเบี้ยประกันไปทุก ๆ​ เดือน​ ถือเป็นการสร้างวินัยในการออมสะสม​ เก็บสะสมจนเป็นเงินก้อนไว้ในระยะยาว​ ประกันชีวิตยังเปรียบเสมือนเป็นการลงทุนระยะยาวรูปแบบหนึ่ง​ที่ได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า​ ไม่จำเป็นต้องนำเงินก้อนของเราไปลงทุน​ แต่จะสะสมไปเรื่อย ๆ​ ให้เกิดดอกผลจนสุดท้ายได้เป็นเงินก้อนกลับเมื่อครบกำหนดตามระยะเวลาที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ กลายเป็นเงินก้อนโตคืนให้เราเพื่อเก็บไว้ใช้ยามเกษียณ​ หรือมอบเป็นมรดกให้กับลูกหลานได้

4.การคุ้มครองรายได้ในกรณีทุพพลภาพ

ประกันชีวิตยังให้ความคุ้มครองในกรณีเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝัน​ แล้วเกิดกลายเป็นผู้ทุพพลภาพสูญเสียอวัยวะจนไม่อาจสามารถทำงานได้​ ไม่ว่าจะในส่วนของการสูญเสียอวัยวะจากอุบัติเหตุ​ หรือเจ็บป่วยร้ายแรงจนไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ ในส่วนนี้หากเราทำประกันชีวิตที่ครอบคลุมกรณีทุพพลภาพเอาไว้​ ก็จะสามารถได้รับค่าชดเชยตามรายละเอียดที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ ถือเป็นเงินทุนสำรองเป็นเงินก้อนในกรณีที่ไม่คาดฝันให้ครอบครัวและผู้อยู่ข้างหลังไม่ต้องลำบากมาก

5.การคุ้มครองการศึกษา

การคุ้มครองการศึกษา

ทุกวันนี้ผลประโยชน์ของประกันชีวิตไม่ใช่เพียงแค่คุ้มครองชีวิต​ จ่ายเงินค่าชดเชยในยามเจ็บป่วย หรือมอบเงินก้อนให้เมื่อสิ้นสุดสัญญากรมธรรม์เท่านั้น​ แต่ประกันชีวิตยังมีในเรื่องของการคุ้มครองในด้านการศึกษาโดยส่วนใหญ่ผลประโยชน์มักจะตกเป็นของบุตรหลานผู้ทำประกัน ซึ่งข้อดีของการทำประกันชีวิตเพื่อการ​ศึกษาคือเป็นอีกหนึ่งในวิธีที่จะสร้างวินัยในการออมให้เราสะสมเงินได้อย่างเพียงพอเป็นประจำสม่ำเสมอ ช่วยให้เรามั่นใจได้ว่าเมื่อถึงเวลาที่ต้องใช้เงินก้อนไม่ว่าจะในกรณีต้องการใช้เงินสำหรับเรียนต่อ หรือสอบเข้ามหาวิทยาลัยก็จะ​มีเงินเพียงพอไว้รองรับอย่างแน่นอน​ ซึ่งทุกคนรู้ดีว่าการลงทุนกับการศึกษานั้นล้วนให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า

ประกันชีวิตถือเป็นตัวช่วยในการบริหารความเสี่ยงที่คนเราจะต้องเผชิญอยู่ทุกช่วงเวลาของชีวิต​ หากเรามีประกันไว้ ​ ไม่ว่าจะในกรณีเสียชีวิต​ กรณีเจ็บป่วยทุพพลภาพ​ หรือเก็บเป็นเงินสะสมไว้ให้เราได้ใช้งานเกษียณ ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าไม่เสียเปล่า ถ้าคิดถึงเรื่องประกัน TPIS ตรีเพชรอินชัวรันส์ โบรกเกอร์ประกันภัย เป็นที่ปรึกษาด้านประกันภัยรถยนต์ ประกันการเดินทาง และประกันด้านสุขภาพ